ในยุคนี้ผู้คนส่วนใหญ่ต้องใช้ชีวิตภายใต้ภาวะความกดดันจากสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปริมาณข่าวสารที่มากมายและระดับการแข่งขันที่รุนแรงตลอดเวลา ซึ่ง สภาพเช่นนี้ก่อให้เกิด "ความขัดแย้งกับธรรมชาติของร่างกายและจิตใจ" ที่ส่งผลให้ชีวิตเสียสมดุล
เมื่อสมดุลของชีวิตเสียไปจะก่อให้เกิดโรคทั้งทางกายและใจ ซึ่งโรคทางกายนั้นสามารถสังเกตและรักษาได้ง่าย แต่ในทางกลับกันโรคทางใจเป็นสิ่งที่ตรวจพบและรักษาได้ยากกว่ามาก จึงมักถูกเพิกเฉย ละเลย จนก่อให้เกิดความ เครียดสะสมและความวิตกกังวล
ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลมนารมย์ ได้ร่วมกับนายแพทย์ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล จิตแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิจาก กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ในการออกแบบพัฒนากระบวนการ "ขุมทรัพย์ความสุข" ขึ้น
โดยกระบวนการ "ขุมทรัพย์ความสุข" นี้จะช่วยฝึกทักษะความสามารถในการเติมความสุขให้กับชีวิตของตนเอง ลดความเครียดและความขัดแย้งจากปัญหาและผู้คนรอบด้าน รวมทั้งเพิ่มพูนพลังชีวิตให้กับตนเอง
น.พ.ประเวช กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องของความเครียด ความวิตกกังวลและโรคซึมเศร้า สามารถพบมากถึงร้อยละ 12-15 ของประชากรทั่วไป
สำหรับเทคนิคการค้นหาความสุขจาก "ขุมทรัพย์ภายในจิตใจ" ของแต่ละคน นั้น น.พ. ประเวช อธิบายว่า เทคนิคการค้นหาความสุขจากขุมทรัพย์ภายในจิตใจ สามารถทำได้ด้วยการจัดการความกังวลใจและความเครียดที่สามารถฝึกได้ด้วยตนเอง 4 ประการ
"ฝึกทักษะผ่อนคลาย" ด้วยการฝึกหายใจเพื่อให้ร่างกายกับจิตใจสัมพันธ์กัน ด้วยการฝึกการหายใจ โดยหายใจออกให้ยาวกว่าหายใจเข้า หรืออาจใช้วิธีหายใจเข้าให้สุดออกให้สุด นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคการยืดเหยียดบริหารร่างกาย เพื่อให้สมาธิ ความสนใจ กลับมาอยู่กับตัวเอง เพราะเวลาที่คนเราเคลื่อนไหวจะทำให้ความคิดลดลง และได้ความสงบทางใจกลับคืนมา
จากนั้น "ฝึกจัดการด้านความคิด" โดยระวังความคิดที่ทำให้เรากังวลและเครียด ด้วยการฝึกการตระหนักรู้ในความคิด การเลือกความคิด หรือฝึกวิธีคิดที่ช่วยให้เรามีความสุข เพื่อค้นพบความสุขจากภายใน
ต่อมาให้ "ฝึกจัดการปัญหาชีวิต" โดยเฉพาะปัญหาความสัมพันธ์ ซึ่งมีส่วนทำให้คนเราเครียดและกังวลได้มาก
และสุดท้าย คือ "ฝึกเรื่องอาหารการกิน" โดยพบว่าคนที่รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงจะหงุดหงิดง่าย การควบคุมอารมณ์จะต่ำลง
น.พ.ประเวช กล่าวเสริมว่า อย่างไรก็ตามในระดับปกติความเครียดและวิตกกังวลเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ในฐานะสิ่งกระตุ้นให้คนเราตื่นตัวในการเผชิญกับปัญหาหรือสถานการณ์ต่างๆ และเป็นแรงผลักดันให้ คนเราแก้ปัญหาและคิดค้นพัฒนาสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จ
ผู้ที่มีความวิตกกังวลแต่ละคนอาจมีการแสดง ออกทางกายหรือทางอารมณ์และจิตใจที่แตกต่างกันออกไป เช่น ตัวเย็น, มือเย็น, ปากแห้ง, เหงื่อออก, คลื่นไส้อาเจียน, ปัสสาวะบ่อย, กลืนอาหารลำบาก, กระวนกระวาย, เหนื่อยง่าย, ขาดสมาธิ, หงุดหงิดบ่อยและนอนไม่หลับ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน
"ความสุขที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นมาจากภายในจิตใจ ทุกคนสามารถสร้างขุมทรัพย์ความสุขของตนเองได้ทุกวัน" น.พ.ประเวช กล่าวทิ้งท้าย