เทคนิคลดปวด...ไม่ต้องง้อยา

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เทคนิคลดปวด...ไม่ต้องง้อยา


อาการปวดนั้นแม้จะดูเป็นเรื่องของ การสร้างความรำคาญในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่แท้จริงแล้วอาจมีผลเสียมากกว่าที่คิด โดยหากปล่อยทิ้งไว้จะมีผลต่อรีเฟล็กซ์ (reflex) ต่างๆ ของร่างกาย จนอาจทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือดส่วนปลาย นำไปสู่อาการหน้ามืดเป็นลม หรือช็อกได้
นอกจากการทานหรือทายาแก้ปวดแล้ว ยังมีศาสตร์การแพทย์ทางเลือกอีกหลายประเภทที่สามารถบรรเทาอาการปวดได้โดยไม่ต้องพึ่งยา
ดร.มนต์ทณัฐ โรจนาศรีรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ ไคโรเมด สหคลินิก กล่าวว่า การหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อที่เกิดจากความเครียดหรือมีการใช้งานที่ซ้ำๆ สามารถทำให้เกิดการตึงตัวและจำกัดการเคลื่อนไหว จนมีจุดกดเจ็บเกิดขึ้นและเมื่อเป็นมากขึ้นๆ จะทำให้รู้สึกทรมานน่ารำคาญ
การยืดกล้ามเนื้อ สามารถช่วยลดอาการปวดได้ เนื่องจากทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ตึงตัวจนเกิดอาการปวดคลายตัวลง ข้อต่อที่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวสามารถเคลื่อนไหวได้มากขึ้น อาการปวด การจำกัดการเคลื่อนไหวและจุดกดเจ็บต่างๆ เหล่านี้ก็จะค่อยบรรเทาอาการลงไป
หลักในการยืดกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นนั้น มีด้วยกันหลายเทคนิคหลายวิธีการ ซึ่งวิธีที่เหมาะสมและสามารถทำได้ง่าย คือ การยืดกล้ามเนื้อในลักษณะที่เป็นการยืดค้างอยู่กับที่หรือเรียกว่า Static stretching ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดี
โดยหลักการพื้นฐานของการยืดกล้ามเนื้อแบบยืดค้างอยู่กับที่คือ ยืดกล้ามเนื้อไปจนถึงจุดที่รู้สึกตึงที่สุด แต่ไม่เจ็บค้างไว้ประมาณ 10-30 วินาที ทำอย่างน้อย 3-4 ครั้งในแต่ละท่า
เน้นกลุ่มกล้ามเนื้อมัดหลักๆของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าและด้านหลัง กล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อหลัง โดยเฉพาะกลุ่มกล้ามเนื้อที่ต้องการจะใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น
ก่อนยืดกล้ามเนื้อควรทำการอบอุ่นร่างกายก่อนเพื่อช่วยให้สามารถยืดคลายได้ง่ายและป้องกันการบาดเจ็บจากกล้ามเนื้อฉีกขาดได้
สามารถยืดกล้ามเนื้อได้ทุกวันหรืออย่างน้อย 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ โดยควรทำทั้งก่อนและหลังจากการออกกำลังกายเพราะการยืดหลังออกกำลังกายช่วยลดกรดแลคติกในกล้ามเนื้อและทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
การยืดกล้ามเนื้อคอ ให้เอียงคอไปทางด้านใดด้านหนึ่งโดยใช้แขนช่วยดึงจนรู้สึกตึง ค้างไว้ประมาณ 10-30 วินาที ทำซ้ำ 3-4 รอบ
วิธีการยืดกล้ามเนื้อแขนด้านหน้า เหยียดแขนไปด้านหน้าข้างหนึ่งแล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งดึงมือลงจนรู้สึกตึงแขนด้านหน้า โดยที่ข้อศอกไม่งอ ค้างไว้ประมาณ 10-30 วินาที ทำซ้ำ 3-4 รอบ
การยืดกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง นอนหงาย กอดเข่าทั้งสองข้างให้เข้ามาชิดหน้าอกและจนรู้สึกตึงบริเวณหลังช่วงล่าง ค้างไว้ประมาณ 10-30 วินาที ทำซ้ำ 3-4 รอบ เช่นกัน
นอกจากการยืดเหยียดกล้ามเนื้อดังที่ ดร.มนต์ทณัฐ ได้แนะนำไปแล้ว การทำโยคะก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถลดอาการปวดกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ เช่น หลังได้เช่นกัน
และจากข้อมูลเว็บไซต์ Never-Age.com ได้ระบุ ถึงการใช้ท่าโยคะสำหรับบรรเทาอาการปวดหลังไว้ว่า ตัวอย่างของท่าโยคะที่สามารถบรรเทาอาการปวดหลังได้คือ โยคะอาสนะ ท่าเขย่งย่อ (Squatting Posture) ซึ่งท่านี้ไม่ยากนักสำหรับผู้เริ่มต้น แต่สำหรับผู้ที่มีขาและข้อเท้าที่ไม่แข็งแรง อาจจะต้องใช้อุปกรณ์เข้ามาช่วยในการฝึก
โยคะท่านี้ให้เริ่มจากการยืนตรง แยกเท้าห่างกันเล็กน้อย หรือให้ได้ความกว้างประมาณช่วงบ่า ยืดแขนทั้งสองข้างตรงไปข้างหน้า หายใจเข้าเขย่งเท้าขึ้นช้าๆ ให้สุดปลายเท้า โดยให้ปลายเท้าจิกอยู่กับพื้น
ขั้นต่อมา หายใจออกช้าๆ และยาวๆ พร้อมแขม่วท้องขมิบก้น จากนั้นค่อยๆ งอเข่าและนั่งยองลงช้าๆ จนลดส้นเท้าลงราบกับพื้น ให้ค้างอยู่ในท่านี้ประมาณ 5-10 วินาที โดยหายใจปกติ
สุดท้ายหายใจเข้า ค่อยๆ ย้อนกลับเป็นท่ายืน เริ่มจากเขย่งส้นเท้าขึ้นและยืดลำตัวขึ้นทั้งเขย่งเท้าอยู่จนสุด ลดส้นเท้าลงราบพื้นปกติทำซ้ำ 5-10 รอบ
สำหรับผู้ที่นั่งพับขาย่อลงและทรงตัวไม่ได้ก็ให้หาที่จับยึด เช่น ราวระเบียง หรือเก้าอี้ที่ปลอดภัยหรือผนังที่มือสามารถจับยึดได้ ถอยตัวห่างจนแขนเหยียดตรงได้ แล้วปฏิบัติตามขั้นตอน จะได้ปลอดภัย
ประโยชน์ของท่านี้นอกจากลดอาการปวดหลังแล้ว ยังลดอาการปวดเข่า ขา ข้อเท้า ด้วยการทำให้กล้ามเนื้อส่วนขา ข้อเท้า เข่า น่องแข็งแรง ส่งผลให้ขาและข้อเท้าจะมีกำลังพยุงร่างกายได้ดีขึ้น ลดอาการข้อเท้าและเข่าอักเสบ ช่วยให้หลังเหยียดตรงและทำให้ท่านมีบุคลิกที่ดีขึ้น นอกจากนี้ท่านี้สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้อีกด้วย
การฝังเข็มก็เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปวดหลังโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ให้การยอมรับว่าการฝังเข็มสามารถรักษาอาการปวดได้ผลดี โดยสามารถรักษาได้ทั้งอาการปวดแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง
นอกจากนี้ ทาง ไป๋เฉ่า คลินิกและอโรคายาศาล คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ได้ระบุไว้อีกว่า สำหรับอาการปวดหลัง ปวดเอวจากกล้ามเนื้อหลัง เอว หน้าท้องและเส้นเอ็นที่มีอาการหดเกร็งหรือเกิดอาการตึง เรียกว่า "กษัยเส้น" นั้น สามารถบรรเทาได้ด้วยการฝังเข็ม, ครอบแก้ว (มังกรไฟ), กระตุ้นไฟฟ้า, การถ่ายโอนพลังชี่ (เครื่องส้ม), การรม, การนวดรีดเส้นและการนวดจีน
โดยการฝังเข็มจะลดอาการปวดด้วยการเพิ่มการหลั่งสารเคมีของร่างกายที่มีฤทธิ์ลดอาการปวด เช่น Serotonin Dopomine และเพิ่มการหลั่งสารเคมี Cortisol ที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ รวมถึงเพิ่มเลือดไปเลี้ยงเฉพาะที่ ซึ่งจะเป็นการช่วยระบายของเสียที่ทำให้เกิดอาการปวดและนำสารที่ลดอาการปวดเข้าสู่อวัยวะนั้น



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ