รัฐบาลดึงหลายหน่วยงานตั้งกองทุนขนาดใหญ่ ร่วมลงทุนสร้าง Startup เกิดใหม่จำนวนมาก รองรับกองทุนของเอกชนเข้าร่วมลงทุน ขณะที่มหาวิทยาลัยระบุนักศึกษาแนวคิดใหม่ รอรับการสนับสนุน ขณะที่ตลาดหลักทรัพยฯพร้อมเจียดเงินตั้งกองทุน 1 พันล้านบาท เริ่มลงทุนต้นปีหน้า
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล กระทรวงอุตสาหกรรม ประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์ สำนักงาน ก.ล.ต. สำนักงานบีโอไอ มหาวิทยาลัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากรัฐบาลต้องการสร้างผู้ประกอบการ Startup ริเริ่มใหม่ของเมืองไทย สร้างโดยคนไทย เพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการ ให้โอกาสได้เติมทุน จึงต้องการตั้งกองทุนขนาดใหญ่ นำโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ และหน่วยงานอื่น เพื่อปั้นผู้ประกอบการสตาร์ทอัพขึ้นมาให้เพียงพอต่อการคัดเลือกจากกองทุนของภาคเอกชนให้เข้ามาร่วมลงทุน ยอมรับขณะนี้มีผู้ประกอบการ Startup จำนวนน้อยมาก ยังไม่พอให้กองทุนเอกชนได้คัดเลือกลงทุน จึงเชิญภาคเอกชนมาสะท้อนปัญหา เพื่อหาแนวทางในการส่งเสริม
โดยบริษัทเอกชนต้องการร่วมลงทุนกับผู้มีศักยภาพเท่านั้น จึงเน้นไปลงทุนกับสตาร์ทอัพต่างชาติ จึงต้องการดึงมหาวิทยาลัย ปั้นนักศึกษาหลายด้าน ไม่ใช่เฉพาะด้านไอที วิทยาศาสตร์ เพื่อร่วมวิจัยให้เกิดการลงทุน มองว่าเมืองไทยมีศักยภาพหลายอย่างที่ส่งเสริมให้สร้างขึ้นมาได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนสร้างบริษัทในมหาวิทยาลัย เพื่อส่งเสริม Startup เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยก่อนหน้านี้กระทรวงอุตสาหกรรมก็ร่วมกันสร้างผู้ประกอบการ เฟส 2 เพราะเฟสแรกเริ่มตั้งตัวได้แล้ว ด้วยการส่งเสริมกองทุนกล้าเสี่ยงเข้าไปลงทุน (Angle VC) เป็นหัวหอกเริ่มต้นเข้าร่วมลงทุนกับผู้มีแนวคิด และนำมาบ่มเพาะให้มีความรู้เพิ่มเติม ซึ่งกระทรวงดิจิทัลพร้อมแก้ปัญหาอุปสรรคให้เสร็จก่อน การจัดงานประชุมเชิงปฏิบัติการใหญ่ "ดิจิทัลเวนเจอร์" ในช่วงเดือนกันยายนนี้ และมอบหมายให้กระทรวงคลังศึกษาแนวทางการเพิ่มแรงจูงใจด้านภาษี เพื่อลดภาระให้กับผู้ประกอบการ
รัฐบาลต้องการส่งเสริมให้เปิดตัวผู้ประกอบการ Startup จำนวน 10,000 ราย โดยมีหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้ตั้งกอทุนร่วมลงทุน VC อาทิ ธนาคารออมสิน กรุงไทย เอสเอ็มอีแบงก์ ตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ภาคเอกชน ตั้งกองทุน CVC เช่น กลุ่มทรู ไทยพาณิชย์ กรุงศรีอยุธยา ภาคอสังหาฯ ประกันชีวิต บีทีเอส ล็อกซ์เล่ย์ เพื่อลงทุนกับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าในช่วง 3-4 ปีข้างหน้าจะร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ Startup ได้นับบพันราย ขณะนี้กองทุนของรัฐบาลและเอกชน ต้องการส่งเสริมการร่วมทุนกับผู้ประกอบการ Startup รายเล็กที่ต้องการเงินทุน 10-20 ล้านบาท รายใหญ่ต้องการ 40-50 ล้านบาท เฉลี่ย 30 ล้านบาทต่อราย ยอมรับว่าปัจจุบันผู้ประกอบการ Startup มีศักยภาพผ่านการคัดเลือกเพียงร้อยละ 10 ซึ่งได้ร่วมทุนไปแล้ว 28,338 ล้านบาท
ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ปัจจุบันได้ตั้งกองทุนร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ที่มีแนวคิดนวัตกรรมและบริหารจัดการที่ดี เฉลี่ยวงเงิน 1-2 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อราย เพื่อสนับสนุนเด็กรุ่นใหม่มีแนวคิดดี ทั้งด้านดิจิทัลมีเดีย คอมพิวเตอร์กราฟฟิก โดยกองทุนของทรูมีวงเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท และจะเพิ่มทุนอีก 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายไปร่วมทุนกับ Startup ของต่างชาติเพิ่มเติม หากดึงกองทุนสตาร์ทอัพจากทั่วโลกมาได้จะเพิ่มศักยภาพอย่างมาก ยอมรับว่าสิงคโปร์กองทุน CVC เติบโตอย่างมาก เพราะอำนวยความสะดวกและมีแรงดึงดูดในการลงทุน ดังน้ันไทยควรเพิ่มแรงจูงใจด้านภาษีเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญมาลงทุนด้าน Startup มากขึ้น
นายธนพงษ์ ณ ระนอง นายกสมาคมไทยเวนเจอร์แคปปิตอล กล่าวว่า สมาชิกของสมาคมฯมีเงินลงทุน 3,000 ล้านบาท แต่ยังลงทุนได้น้อยมาก เพราะมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง จึงต้องการลงทุนกับเอกชนที่ดำเนินการมาแล้วระยะหนึ่งและมีผลดำเนินการดี ขณะที่ผู้บริการไทยพาณิชย์ แจ้งว่าได้ตั้งกองทุน CVC เพื่อออกไปลงทุนกับ Startup ในหลายพื้นที่ทั่วโลก ทุก 6 เดือนจะออกแบบการร่วมลงทุน เพื่อเปิดให้ Startup เสนอเข้ามาให้ร่วมลงทุน ยอมรับว่าผู้ประกอบการของไทยยังมีน้อยมาก ตัวแทนจากธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ได้ออกไปลงทุนหลายประเทศทั่วโลก ทั้งด้านอุตสาหกรรม, E-Commerce, Tradding, Fintech พร้อมดึงผู้เชี่ยวชาญต่างชาติเข้ามาเสริมความรู้ให้กับผู้ประกอบการไทย ในส่วนของเอสซีจี ตั้งกองทุนมาแล้ว 3 ปี ขนาดกองทุทน 3,000 ล้านบาท มองว่าการร่วมลงทุนกับ Startup ต้องมีแผนธุรกิจชัดเจน ตัวแทนกองทุนสิริก็ได้รวมกลุ่มตั้งกองทุนร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ Startupในช่วงแรกๆ 3 ปีก่อน
สำหรับบาทของมหาวิทยาลัย มองว่าศักยภาพของนักศึกษาไทยสร้างให้เป็น Startup ได้แน่นอน จึงมีแผนตั้งเมืองนวัตกรรมแห่งสยาม ผ่านการส่งเสริมจากจุฬาฯ ขณะที่มหาลัยหลายแห่ง ยอมรับว่านักศึกษาที่มีศักยภาพได้บ่มเพาะรอการสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานอื่น เมื่อมองเห็นช่องทางการร่วมทุน นับเป็นจุดเริ่มที่ดีในการนำฝันของนักศึกษาออกมาเปิดเวทีแข่งขันกับต่างชาติ โดยเฉพาะกองทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ หากเข้ามาช่วยเหลือจะสร้างฝันของนักศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม