ซีพีเอฟ ชู โครงการ Faster Payment ปรับลดเครดิตเทอม 30 ช่วยต่อลมหายใจค้าผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดย่อม SMEsในภาวะวิกฤติโควิด-19 และสร้างความมั่นใจให้เอสเอ็มอีแข็งแกร่งรับมือกับ next normal ได้
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จึงช่วยเหลือพันธมิตรคู่ค้า ด้วยการจัด โครงการ Faster Payment ปรับลดเครดิตเทอมภายู่ใน 30 วัน
นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา รองกรรมการผู้จัดการ ด้านจัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์ กล่าวว่า ซีพีเอฟได้ดำเนินการให้เครดิตเทอม 30 วันแก่คู่ค้าเอสเอ็มอี 6 พันรายตั้งแต่ตุลาคม 2563 จนถึงกันยายน 2564 หรือ 12 เดือน ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาจะต่อเวลาโครงการออกไปอีก เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคู่ค้าเอสเอ็มอีสามารถรักษากิจการฝ่าวิกฤตไปได้ นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังเตรียมพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าเอสเอ็มอี ทั้งในด้านมาตรฐานการผลิต แนวทางการบริหารจัดการแรงงานที่ได้มาตรฐานสากล ตลอดจนความรับผิดชอบต่อสังคมและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คู่ค้าเอสเอ็มอีของซีพีเอฟเติบโตรับกับวิถี Next Normal ได้อย่างเข็มแข็งและมั่นคงต่อไป
“ตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ซีพีเอฟได้ดำเนินโครงการ Faster Payment ช่วยเหลือผู้ประกอบการปรับลดระยะเวลาการชำระเงินค่าสินค้า-บริการภายใน 30 วันให้แก่คู่ค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของซีพีเอฟ ประมาณ 6 พันราย ซึ่งเป็นแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี บรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี ช่วยรักษาธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้”
นายนิวัติ ดีงาม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูรินทร์ กรีนฟู้ดส์ โปรดักส์ ผู้จัดหากระเทียมสด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน GAP แก่ซีพีเอฟ กล่าวว่า การปรับลดเวลาเครดิตเทอมภายใน 30 วัน เป็นโครงการที่ดี ช่วยตอบโจทย์ SMEs จัดหาสินค้าทางการเกษตรซึ่งจำเป็นต้องมีเงินหมุนเวียนที่คล่องตัว การได้พันธมิตรอย่าง ซีพีเอฟ ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีเงินทุนไม่มาก สามารถประคับประคองให้อยู่ได้แม้ว่ายอดขายลดลง ไม่ต้องปิดกิจการ หรือเลิกจ้างคนงาน และยังช่วยรักษาอาชีพเกษตรกรปลูกกระเทียมมีรายได้ในช่วงภาวะโควิด
"เครดิตเทอม 30 วัน ไม่เพียงอุ้มให้เอสเอ็มอีอยู่ต่อได้ ยังมีส่วนช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมในเชียงใหม่กว่า 100 ครัวเรือน มีตลาดและรายได้ที่มั่นคงท่ามกลางวิกฤต และช่วยหนุนให้เกษตรกรเห็นความสำคัญของมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices: GAP) มากขึ้น ซึ่งตอบโจทย์แนวโน้มตลาดหลังโควิดที่ผู้บริโภคต้องการสินค้าปลอดภัย” นายนิวัติกล่าว
ด้าน นายเสกภณ บุญเตชะธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขอบคุณ 2562 ผู้จัดจำหน่ายสินค้าสำหรับห้องปฏิบัติการด้านความปลอดภัยอาหาร กล่าวว่า โครงการเครดิตเทอม 30 วัน มีส่วนช่วยผู้ประกอบการขนาดย่อมในช่วงโควิด-19 ได้มาก ช่วยลดการกู้เงิน ส่งผลให้ต้นทุนของสินค้าลดลง และยังเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการปรับตัวรับเทรนด์ next normal เช่น การหาซัพพลายเออร์ภายในประเทศมากขึ้น ลดการพึ่งพิงสินค้านำเข้า ตลอดจน บริษัทยังพัฒนาทักษะบุคลากรขายทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ปรับตัวสู่การค้า next normal
“ผมมั่นใจว่า เราจะสามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ได้ ด้วยโครงการเครดิตเทอม 30 วัน ช่วยธุรกิจลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจรายเล็กอยู่รอดได้ และจากบทเรียนจากวิกฤตครั้งนี้ทำให้เราให้ความสำคัญกับการปรับตัวอย่างรวดเร็ว” นายเสกภณกล่าว
ด้านนางสาวนฤมล แสงมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอ็มพี ยูนิฟอร์ม จำกัด ผู้ผลิตชุดยูนิฟอร์มให้อุตสาหกรรมอาหารทั่วประเทศ กล่าวว่า จากสถานการณ์ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของลูกค้าบริษัทดีเอ็มพีต้องลดหรือหยุดสั่งซื้อสินค้า การได้รับเครดิตเทอมที่เร็วขึ้นจากซีพีเอฟจึงช่วยประคองให้ธุรกิจอยู่ต่อได้ และเชื่อว่าวิกฤตระลอกนี้จะยืดเยื้อ บริษัทจึงเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดค่าใช้จ่ายพร้อมเปิดประสบการณ์และทักษะใหม่ให้กับทีมงานเพื่อมุ่งขยายช่องทางการตลาดออนไลน์มากขึ้น