นายศิรศร เบญจาธิกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ เรียลมี ประเทศไทย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 2564 เราได้การส่งมอบสมาร์ตโฟนครบ 100 ล้านเครื่องทั่วโลกตามกำหนด พร้อมกับก้าวขึ้นสู่แบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกหลังจากก่อตั้งบริษัทฯ ได้เพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น โดยความสำเร็จที่ผ่านมาของ เรียลมี เกิดจากการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ 4 ด้าน ได้แก่ 1) แนวคิดพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยมุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และนำเสนอสินค้าที่สอดคล้องกับค่านิยมของหนุ่มสาว 2) การส่งมอบสมาร์ตโฟนที่มีนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบชาร์จ UltraDart 125W การใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 เป็นเจ้าแรก ๆ รวมถึงเทคโนโลยีกล้องความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ฯลฯ 3) ช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งเรายังคงพัฒนาช่องทางการตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้มากยิ่งขึ้น และ 4) พันธกิจ Dare to Leap ซึ่งเปิดรับคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ทำให้บริษัทมีไอเดียการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่อยู่เสมอ
สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เรียลมีขึ้นแท่นแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ส่งมอบสมาร์ตโฟนได้ 100 ล้านเครื่องทั่วโลกได้เร็วที่สุดในโลก จากข้อมูลสถิติของ Strategy Analytics โดยส่งมอบได้ภายในเวลาเพียง 37 เดือนเท่านั้น นับเป็นความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนโลก ความสำเร็จนี้ในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ของปี 2564 ทำให้เรียลมี ขยับขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ตโฟนอันดับ 6 ของโลกได้เป็นครั้งแรกหลังจากก่อตั้งแบรนด์มาเพียง 3 ปี จากการจัดอันดับของ Counterpoint ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์การเติบโตแบบก้าวกระโดด สู่การเป็นหนึ่งในแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนได้อย่างรวดเร็วที่สุดของโลก ส่วนตลาดสมาร์ตโฟนในประเทศไทย รายงานการจัดอันดับของ Canalys ระบุว่าในไตรมาส 3 ของปี 2564 แบรนด์ realme ติดอันดับ 1 ใน 5 แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำในตลาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมของผู้บริโภคที่แม้เมืองไทยจะกำลังเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มาตลอด 2 ปี แต่ผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงในระดับราคาที่คุ้มค่าของ realme สามารถครองใจผู้บริโภคและคว้าตำแหน่งแบรนด์ Top5 ได้สำเร็จ
ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า ปี 2564 นี้เรามองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการทำตลาดสมาร์ตโฟนในระดับพรีเมียมได้ดีมาก และยังเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการเปิดตัวสมาร์ตโฟนตระกูล GT series ครบทุกรุ่น หลังจากนี้เรียลมีจะนำสมาร์ตโฟนสุดพรีเมียมในตระกูล GT Series นั่นคือ GT 2 series มาทำตลาดในไทย ซึ่งเป็นรุ่นพรีเมียมที่สุดของเรียลมีพร้อมชูไฮไลต์ 3 เทคโนโลยีสุดล้ำเป็นครั้งแรกของโลก ทั้งการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมการถ่ายภาพ และเทคโนโลยีการสื่อสารขั้นสุด สืบเนื่องจากความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AIoT ในปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้ง realme Pad แท็บเล็ตรุ่นแรกของแบรนด์ที่ตีตลาดด้วยสเปกสุดคุ้ม, realme Book แล็ปท็อปรุ่นแรกของแบรนด์ และอุปกรณ์ AIoT อีกมากมายโดยแบรนด์ realme สามารถติดอันดับ 3 ในสินค้าประเภท Basic watch และประเภท TWS ของเมืองไทยได้สำเร็จ ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่ 1,091% และ 188% ตามลำดับ ในอนาคต realme จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้ง 5G และ AIoT โดยนำเสนอภายใต้แบรนด์ไลฟ์สไตล์ใหม่ในชื่อ TechLife เพื่อตอบโจทย์ Smart Life ของผู้คนในปัจจุบันให้ครอบคลุมมากขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทวางแผนจะเปิดตัวสมาร์ตโฟนระบบ 5G ให้ได้มากกว่า 30 รุ่น คิดเป็น 70% ของสัดส่วนสมาร์ตโฟนทั้งหมด และในอีก 2 ปีข้างหน้า เรียลมีจะลงทุน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก สำหรับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 5G และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 5G เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 5G อย่างเต็มตัว อีกทั้งเราจะยังคงเดินหน้าทำตลาด AIOT ตามกลยุทธ์หลักของแบรนด์ นั่นคือ 1+5+T เพื่อมุ่งหวังที่จะสร้าง realme Ecosystem ให้เกิดขึ้นอยู่รอบตัวผู้บริโภค ประกอบด้วย 1 แทน สมาร์ตโฟนที่จะเป็นศูนย์กลางการควบคุม Ecosystem ทั้งหมด 5 แทนหมวดหมู่หลักของอุปกรณ์ AIoT ทั้งหมด ได้แก่ 1. อุปกรณ์หูฟังไร้สาย 2. อุปกรณ์สวมใส่ 3. โทรทัศน์ 4. แท็บเล็ต และ 5. แล็ปท็อป T ย่อมาจากแบนด์ TechLife ซึ่งทั้งหมดนี้จะมี realme Link แอปพลิเคชันเชื่อมต่อกัน และสร้างเป็น AIoT ecosystem เพื่อให้ผู้ใช้งานอุปกรณ์ realme สามารถใช้งานร่วมได้อย่างเต็มรูปแบบ