ภาวะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลกและในประเทศไทยปัจจุบันดิจิทัลจะไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุนการทำงานของผู้คนและองค์กรแต่จากวิถีการใช้ชีวิตในปัจจุบันทำให้ดิจิทัลกลายเป็นสิ่งหลอมรวมเข้ากับชีวิตคนอย่างแท้จริงและเปลี่ยนโครงสร้างของรูปแบบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กระบวนการผลิต การค้า การบริการ และกระบวนการทางสังคม โดยแนวโน้มของอุตสาหกรรมดิจิทัลระดับโลกมีศักยภาพสูงมากในโครงสร้างอุตสาหกรรม 4.0 ของโลกโดยเทคโนโลยีดิจิทัลจะเข้าไปเกี่ยวข้องครอบคลุมอุตสาหกรรมที่จะต้องใช้เครื่องมือจำนวนมาก
ผลสำรวจของ PwC Research เกี่ยวกับ Digital Transformation ซึ่งเป็นการสํารวจกลุ่มผู้บริหารธุรกิจ เทคโนโลยี และการรักษาความปลอดภัย โดยผลการสำรวจพบว่า การใช้จ่ายทางด้านเทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้น และผลการสำรวจเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลการวิเคราะห์ของ Gartner, Inc. ที่แสดงถึงแนวโน้มการเติบโตมูลค่าการใช้จ่ายด้าน IT ทั่วโลกและในประเทศไทย ในปี 2565 ที่ 5.5% และ 6.4 % เมื่ออุตสาหกรรมดิจิทัลมีแนวโน้มเติบโต ผู้ประกอบการที่จะได้รับประโยชน์ถึงเวลาเตรียมความพร้อมเพิ่มศักยภาพองค์กร เพื่อผลักดันการเติบโตในอนาคต
บมจ.ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ (I2) ประกอบธุรกิจ System Integration (SI) ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร โทรคมนาคม และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการติดตามดูแลรักษาและการให้การฝึกอบรมแก่ผู้ใช้งานและการให้บริการอื่นๆ โดยสามารถจำแนกประเภทธุรกิจหลักเป็น 2 ประเภทตามโครงสร้างรายได้ คือ การขายและบริการงานโครงการ และการให้บริการอินเทอร์เน็ต
ทั้งนี้ ปัจจุบัน I2 พร้อมเข้าระดมทุนโดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120,000,000 หุ้น คิดเป็น 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (par) 0.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะเสนอขายในราคาหุ้นละ 2.70 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรม เทคโนโลยี (TECH)
ภายใต้แกนนำของ"อธิพร ลิ่มเจริญ"ประธานกรรมการบริหาร I2 กล่าวว่า วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เตรียมนำเงินไปที่ได้จากระดมทุนมูลค่าราว 324 ล้านบาท โดยจะไปลงทุนในงานบริการโครงการขนาดใหญ่แก่ลูกค้า, นำไปใช้ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้าง New S Curve รองรับแผนการเติบโตในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า รวมถึงเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
" I2 ถือเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แบบครบวงจรชั้นนำ ให้แก่ องค์กรภาครัฐ อาทิ หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ การบริหารงานโดยทีมผู้บริหารและพนักงานที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มาอย่างยาวนาน อีกทั้ง บริษัทฯยังสามารถปรับตัวสอดคล้องกับนโยบาย 4.0 และการทำธุรกิจที่เติบโตไปกับ S Curve ของประเทศเพื่อมุ่งสู่ Digital Transformation รวมทังยังอยู่ในธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน "
สำหรับผลการดำเนินงานในงวดสิ้นปี 2565 มีรายได้รวม 943.38 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 44.98 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1/2566 มีรายได้รวม 300.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138.39% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 126.18 ล้านบาท และไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 17.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202.48% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 5.63 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีจุดเด่นในการดำเนินธุรกิจ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ดังนี้ การเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (IT) แบบครบวงจรชั้นนำให้แก่องค์กรภาครัฐ อาทิ หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ มีงานที่รอส่งมอบ (Backlog) ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีมูลค่าเกือบ 1 พันล้านบาท ขณะที่ผลงานในอดีตที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ
รวมถึงมีการบริหารงานโดยทีมผู้บริหาร และพนักงานที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ มาอย่างยาวนานในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในระดับประเทศ และมีความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกับผู้ผลิตอุปกรณ์ และผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เครือข่ายสารสนเทศชั้นนำ และการให้บริการหลังการขายในหลากหลายช่องทาง
สิ่งที่สำคัญ การมี MFEC พันธมิตรรายใหญ่ และยังเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนทั้งหมด 15% โดย MFEC เข้ามาลงทุน I2 ตั้งแต่ปี 2563 และจะรักษาสัดส่วนการลงทุน 15% หลังเข้าตลาด ซึ่งการดำเนินธุรกิจระหว่าง MFEC (รับแต่งานเอกชน) และ I2 (รับแต่งานภาครัฐ) ไม่แข่งขันกันโดยตรง เพราะอยู่คนละตลาด แต่มี synergy จากการนำบริการขั้นสูงในภาคเอกชนของ MFEC มานำเสนอหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเป็นลูกค้าของ I2 ทำให้สามารถช่วยผลักดันการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ I2 ยังมีรายได้ที่มั่นคงจากสัญญาระยะยาวในการให้บริการอินเทอร์เน็ต แก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ในโครงการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียมของTHCOM ในพื้นที่ห่างไกล USO Zone C+ ของ กสทช. ซึ่งจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2568
ส่วนแผนงานในอนาคตภายหลังจาการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯจะเดินหน้าประมูลงานด้านธุรกิจพลังงานเพิ่มเติม ขณะที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Digital Transformation เช่น Big Data หรือ E-Document ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้สัดส่วนรายได้ Recuring Income ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 20%-30% จาก 2 โครงการที่บริษัทฯ มีโอกาสจะได้รับงานสูง ได้แก่โครงการต่อเนื่องจากโครงการติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานไฟถนนประเภทโคมไฟเสาสูง (High Mast) ในพื้นที่กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ซึ่งมีหลอดไฟถนนกว่า 100,000 หลอด ที่รอติดตั้งอุปกรณ์ รวมถึงโครงการUsO zone C+ อยู่ในระยะที่ 2 และจะสิ้นสุดปี 2568 คาดว่าโอกาสสูงที่กสทช.จะดำเนินโครงการต่อเนื่องไปอีก ดังนั้นน่าจะช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่าหุ้น I2 มีคุณสมบัติครบหุ้นไฮบริด ทั้งหุ้น High Growth - High Dividend โดยหากพิจารณาผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 อัตราการเติบโตรายได้และกำไรในระดับสูง และภายหลังจากการระดมทุนแล้วก็จะผลักดันการเติบโตได้มากขึ้น ซึ่งค่าเฉลี่ยของการเติบที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 20% ขณะที่อุตสาหกรรมดิจิทัลเติบโตเพียง 4-6 % ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ดังนั้นหุ้น I2 จึงเป็นหุ้นที่น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้นได้อย่างแน่นอน