คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้จัดให้มีการประชุมสัมมนาเชิงวิชา การประจำปี2556 ในหัวข้อ "Intercon nectivity and Cross-Border Trade" เพื่อมุ่งผลักดันความร่วมมือกำกับกิจการพลังงานอาเซียน (ASEAN Energy Regu lators{apos} Network-AERN) และร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการพลังงาน สู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ตลอดจนสร้างความร่วมมือด้านโครงข่ายพลังงานในการแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาและใช้พลังงานในอาเซียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ความเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ในปี 2558 โดยเป้า หมายที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียนจะต้องเชื่อมโยงระบบโครงข่ายพลังงานให้ทั่วถึงกัน ทั้งการเชื่อม โยงระบบสายส่งไฟฟ้าของอาเซียน (ASEAN Power Grid : APG) และการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติของอาเซียน (Trans-ASEAN Gas Pipeline: TAGP) ซึ่งแนวคิดด้านความร่วมมือพลังงานของอาเซียน ได้เริ่มมีการจุดประกายขึ้นตั้งแต่ปี 2529 ตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานของอาเซียน และความตกลงเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานอาเซียน เพื่อสร้างความร่วมมือกันในการพัฒนาและใช้พลังงานในอาเซียน โดยมีโครงสร้างความร่วมมือ อันได้แก่ การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านพลังงาน ศูนย์พลังงานอาเซียน และคณะทำงานด้านพลังงานต่างๆ
นอกจากนี้ การเชื่อมโยงระบบโครง ข่ายพลังงานให้ทั่วถึงกันเป็นเป้าหมายที่สำคัญต่อเนื่องจากความร่วมมือด้านพลังงานของอาเซียนในปัจจุบัน ซึ่งดำเนิน การภายใต้แผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน ปี 2553 -2558 (ASEAN Plan of Action on Energy Cooperation : APAEC) มีโครง การหลักที่สำคัญถึง 7 สาขา ได้แก่ (1) การเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้าของอาเซียน (ASEAN Power Grid : APG) (2) การเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติของอาเซียน (Trans-ASEAN Gas Pipeline : TAGP) (3) เทคโนโลยีถ่านหินและถ่านหินสะอาด (4) พลังงานที่นำมาใช้ใหม่ได้ (Renewable Energy : RE) (5) การสงวนรักษาและประสิทธิภาพของพลังงาน (Energy Efficiency and Conservation : EE{amp}C) (6) นโยบายและการ วางแผนพลังงานภูมิภาค และ (7) พลังงานนิวเคลียร์
"ทิศทางและกรอบความร่วมมือด้านการกำกับกิจการพลังงานของอาเซียน ในอนาคตอันใกล้นี้ จะเป็นสิ่งที่ท้าทายหน่วยงานกำกับกิจการพลังงานในอาเซียน เป็นอย่างยิ่ง โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อเป็นองค์กรหลักในการกำกับกิจการพลังงานในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีกลไกกำกับและหลักเกณฑ์สากลในการกำกับกิจการพลังงาน โดยเฉพาะโครงข่ายเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าและท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกประเทศ และในอนาคต AERN จะนำไปสู่การกำกับกิจการพลังงานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้พลังงานร่วมกันระหว่างภูมิภาคในที่สุด เพื่อให้ทุกประเทศได้มีการบริหารจัดการการใช้พลังงาน ให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส มีราคาที่เป็นธรรม พลังงานมีคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และมีการใช้พลังงานที่ยั่งยืนและมั่นคงต่อไปในอนาคต" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
ทางด้าน ศ.กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการ พลังงาน กล่าวเสริมว่า ในปีที่ผ่านมา กกพ. ประสบความสำเร็จในการยกระดับความร่วมมือ และการสร้างเครือข่ายพลังงานในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการเป็นหัวเรือใหญ่ ผลักดันให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยเครือข่ายองค์กรกำกับกิจการพลังงาน หรือ AERN อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นองค์กรหลักในการกำกับ กิจการพลังงานในระดับอาเซียน ซึ่งได้จัดให้มีการประชุม AERN อย่างเป็นทางการขึ้นเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2555 สำหรับการประชุมระหว่างกลุ่มเครือข่าย AERN ในครั้งนี้ กกพ. ได้จัดให้มีการประชุมระหว่าง กกพ.กับผู้แทนหน่วยงานด้านการกำกับกิจการพลังงานของประเทศ ในภูมิภาคอาเซียนอีก 4 ประเทศ ประกอบด้วย กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม เพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับร่างขอบเขตการดำเนินงาน (Terms of Reference : TOR) และแผนการดำเนินงาน ต่อไปของ AERN รวมถึงการหารือแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในประเด็นกฎเกณฑ์ด้านการกำกับดูแลกิจการพลังงาน ซึ่งในปีนี้นับว่าเป็นการรวมตัวกันขององค์กรกำกับกิจการพลัง งานในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนที่สามารถชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของกกพ. ในการเป็นองค์กรชั้นนำด้านการกำกับกิจการพลังงานของประเทศอีกก้าวหนึ่ง
นอกจากจะเป็นการประชุมระหว่าง กลุ่มเครือข่าย AERN แล้ว กกพ. ยังได้จัดให้มีการประชุมสัมมนาเชิงวิชาการนานาชาติ ครั้งที่4 ในหัวข้อ Interconnec tivity and Cross-Border Trade เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อโครงการASEAN Power Grid (APG) และ Trans ASEAN Gas Pipeline (TAGP) ที่กลุ่มเครือข่าย AERN จะมีส่วนร่วมในการส่งเสริมโครงการดังกล่าวฯ ให้เป็นรูปธรรม อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศไทยได้สร้างความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำระดับโลก หน่วยงานกำกับดูแล ตลอดจน หน่วยงานด้านนโยบายพลังงานระหว่างประเทศอันเป็นประโยชน์ต่อวงการอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศไทยในอนาคต ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กกพ. ได้มีการจัดประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านพลังงานมาแล้ว รวม 3 ครั้ง โดยในแต่ละครั้งมีผู้เข้าร่วมงานซึ่งมาจากหน่วยงานชั้นนำในส่วนของภาคเอกชนและรัฐบาลที่เกี่ยว ข้องกับด้านพลังงาน พร้อมทั้งยังมีผู้แทนจากหน่วยงานด้านพลังงานของกลุ่มประเทศภูมิภาคอาเซียนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนทรรศนะและอภิปรายประเด็นสำคัญที่กลุ่มอาเซียนกำลังเผชิญในปัจจุบัน