JMT เตรียมออกขายหุ้นกู้ 2 ชุด เสนอขาย 14 - 16 พ.ย. นี้

วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2566

JMT เตรียมออกขายหุ้นกู้ 2 ชุด เสนอขาย 14 - 16 พ.ย. นี้


JMT เตรียมออกขายหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2566 จำนวน 2 ชุด ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.10-4.25% ต่อปี และชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.75-4.90% ต่อปี เสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป และ ผู้ลงทุนสถาบัน (PO) ช่วง 14 - 16 พ.ย. 2566 นี้ เพื่อระดมเงินซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ และ/หรือ เป็นทุนหมุนเวียน และ/หรือ ชำระคืนหุ้นกู้หรือเงินกู้ยืมสถาบันการเงินภายในปี 2567

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 และ 2569 

วัตถุประสงค์การใช้เงินเพื่อนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในการเข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหาร และ/หรือ เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกลุ่มกิจการ และ/หรือ เพื่อนำไปชำระคืนหุ้นกู้หรือเงินกู้ยืมสถาบันการเงินภายในปี 2567

ทั้งนี้ บริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือขององค์กรและหุ้นกู้ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม Stable โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 สะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกหลัก (Core Subsidiary) ของ บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART อันดับเครดิต “BBB+/Stable”) เป็นสำคัญ โดยบริษัทมีบทบาทที่สำคัญใน “กลุ่มเจมาร์ท” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจด้านการเงินของกลุ่ม ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้บริษัทอื่นๆ ในธุรกิจด้านการเงินของกลุ่มมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ทางทริสเรทติ้งยังคาดว่าแนวโน้มอุปทานสินเชื่อด้อยคุณภาพด้านเครดิตจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือที่ผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์จนกระทั่งถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งคาดว่าจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ มีแนวโน้มที่จะเร่งนำสินเชื่อด้อยคุณภาพออกมาจำหน่ายมากยิ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ไปจนถึงปี 2567 ซึ่งกรณีดังกล่าวน่าจะเป็นประโยชน์ต่อแผนการซื้อหนี้ของบริษัท

โดย หุ้นกู้ชุดที่ 1 มีอายุ 1 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.10-4.25% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 มีอายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.75-4.90% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป และ ผู้ลงทุนสถาบัน (PO) คาดว่าจะเสนอขายในช่วงวันที่ 14 - 16 พฤศจิกายน 2566 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำทั้ง 10 แห่ง ได้แก่ 

-บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด

-บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)

-บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

-บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน)

-บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด

-บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

-บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

-บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด

-บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด 

-บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด

ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้

ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 433.3 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นกำไรสุทธิรายไตรมาสที่สูงสุด คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 44.1% 

ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,249.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 14.8% จากการเดินหน้าขยายพอร์ตบริหารหนี้ โดยรายได้ที่ทำสัญญากับลูกค้ารายได้ดอกเบี้ยและกำไรจากเงินให้สินเชื่อการซื้อลูกหนี้ และรายได้รายรับประกันภัยที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับการบริหารการจัดเก็บพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพที่ดีเยี่ยม

ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 66 มีกำไรสุทธิ 1,004.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.4% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 41.8% โดยมียอดจัดเก็บกระแสเงินสดอยู่ที่ 2,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้า JK AMC ที่เติบโตสูงขึ้น โดยครึ่งปีแรก 2566 ที่ผ่านมาบริษัทมีการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพรวม 4,126 ล้านบาท สนับสนุนให้ JMT มีพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรวมอยู่ที่ 468,536 ล้านบาท (รวม JK AMC) เพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนล้านบาท หรือกว่า 30% จากพอร์ตบริหารหนี้สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 331,410 ล้านบาท

ขณะที่การบริหารการจัดเก็บพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพทำได้ดีเยี่ยม โดยครึ่งปีแรกมีกระแสเงินสดเข้ามาแล้ว 4,243 ล้านบาท ดังนั้นสิ้นปีนี้ที่วางไว้ว่าจะมีกระแสเงินสดขึ้นไปแตะที่ระดับ 9,000 ล้านบาท จากทั้งปี 2565 อยู่ที่ 6,345 ล้านบาท มองว่าจะสามารถทำได้ตามนั้น เป็นอีกปัจจัยสะท้อนภาพรวมธุรกิจของ JMT มีเสถียรภาพ และมั่นใจครึ่งปีหลังผลงานยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี มีโอกาสในการลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารต่อเนื่อง ย้ำเป้ากำไรสุทธิเติบโต 30% จากปีก่อนตามที่วางไว้

​"ไฮไลท์ครึ่งปีแรก JMT ซื้อหนี้ก้อนใหญ่เข้ามาบริหารมูลค่าราว 60,000 ล้านบาท ซึ่งหนี้ดังกล่าวเริ่มทำงานแล้ว เป็นฐานในการสร้างรายได้ในครึ่งปีหลังและในอนาคต ขณะที่ประเมินสภาพตลาดหนี้ที่ JMT ซื้อเข้ามาโดยปกติประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี แต่ปีนี้มองว่าจะเยอะกว่าปกติ และนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทร่วมทุน JK AMC ทำให้พอร์ตเรามีขนาดไซส์ใหญ่ขึ้น เสมือนเราได้ Backlog ตุนล่วงหน้ามา 3 - 5 ปี เพิ่มความแข็งแกร่งของผลการดำเนินงานในอนาคต" นายสุทธิรักษ์ กล่าวทิ้งท้าย



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ