ท่ามกลางประเทศไทยกำลังประสบภาวะวิกฤติพลังงาน จากกรณีแหล่งผลิตก๊าซยาดานา ประเทศพม่าหยุดส่งก๊าซธรรมชาติ 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ให้กับประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้ามากถึง 6,400 เมกะวัตต์ ปรากฏว่ามีบุคคลบางกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวผ่านโลกไซเบอร์ "ทวงคืนพลังงาน" โดยระบุว่าคนไทยใช้น้ำมันราคาแพงทั้งที่ขุดได้เองในอ่าวไทย รวมถึงการคัดค้านปรับขึ้นก๊าซ LPG ซึ่งประเด็นร้อนเหล่านี้ "พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ออกโรงตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน "สยามธุรกิจ" จึงนำบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจแบบคำต่อคำ ดังต่อไปนี้
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีคนพยายามให้ข้อมูลข่าวสารในโลกไซเบอร์ที่ผิดๆ ทำให้เกิดความเสียหายต่อกระทรวงพลังงานอย่างมากยกตัวอย่าง เช่น ประเทศไทยผลิตน้ำมันได้วันละ 1 ล้านบาร์เรล แล้วส่งออกน้ำมันทั้งหมด จากนั้นเอาน้ำมันแพงๆ มาขายให้คนไทย ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วประเทศไทยผลิตน้ำมันได้วันละแสนบาร์เรลเศษๆ เท่านั้น และเป็นน้ำมันที่มีสารตะกั่วปนเปื้อนเยอะ โรงกลั่นไม่สามารถผลิตได้ก็เลยต้องส่งขายไปต่างประเทศ ส่วนที่มีสารตะกั่วปนเปื้อนน้อยก็ใช้ผสมผลิตใน ประเทศอยู่แล้ว
เราไม่ได้เป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันนะครับ แต่มีการเข้าใจผิดๆ แล้วยังบอกว่า น้ำมันต้องขายลิตรละ 4 บาท มันไม่มีหรอกครับ ประเทศผู้ผลิตอย่างตะวันออกกลางยังขายไม่ได้ เราอยู่ได้ต้องประหยัดพลังงาน แต่ว่าที่พูดไม่ได้หัวเราะนะ แรกๆ ผมคิดว่าคนไม่เชื่อ แต่ทำไปทำมา ชักมีคนเชื่อเยอะขึ้นๆ ผมก็ตกใจเหมือนกัน
"ผมอยากให้ความรู้ประชาชนให้เข้าใจ กลุ่มที่พูด ก็พูดประจำ ผมก็ดู ซึ่งทำมา ปีกว่าแล้ว ตอนนี้เร่งรัดให้ฝ่ายกระทรวง ไปดูแง่กฎหมายอะไรที่เกี่ยวข้องก็ดำเนินการไป ใครทำผิดกฎหมายก็ว่ากันไป"
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้พลังงานที่ประเทศไทยใช้อยู่ 70% ผลิตไฟฟ้ามาจากก๊าซธรรมชาติ สิ่งสำคัญตอน นี้ราคาค่าไฟฟ้า 3.75 บาทต่อหน่วย ปีที่ผ่านมามีการปรับค่าเอฟที 54 สตางค์ 2 ปีเพิ่มขึ้น 1 บาท ถ้า 4 ปีก็เพิ่มเป็น 2 บาท ในอีก 4 ปีข้างหน้าค่าไฟฟ้าขึ้นไป 2 บาท รวมแล้วค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ 5.75 บาทต่อหน่วย ถ้าเทียบกับสหรัฐอเมริกา ใช้ไฟฟ้า อยู่ที่ 3.75 บาทต่อหน่วย ตอนนี้ค่าเงินดอลลาร์ 1 เหรียญสหรัฐ อยู่ราวๆ 30 บาท แสดงว่าสหรัฐฯ ใช้ไฟฟ้าแค่ 11 เซนต์ต่อหน่วยเท่านั้น จะเห็นว่าค่าครองชีพค่าไฟเขาต่ำมาก เมื่อค่าไฟฟ้าเป็นต้นทุนผลิต ถ้า ค่าไฟของเราไม่ต่ำกว่านี้การแข่งขันการขายสินค้า ผลิตสินค้าก็จะหมดไป เมื่อความ สามารถการผลิตภาคอุตสาหกรรม การสร้างรายได้ โอกาสของประชาชนลดน้อย ลง รายได้ประชาชาติก็ลดลง ปัญหาการตกงาน ปัญหาบริษัทประสบวิกฤติก็เยอะขึ้น รัฐบาลพยายามคิดหาพลังงานถูกแล้ว นำมาเฉลี่ยกับพลังงานแพง เพื่อให้ได้พลังงานราคาถูก เพื่อภาคอุตสาหกรรม และผู้ใช้ไฟฟ้ามีรายได้ที่ดี
พลังงานถูกที่สุด อันดับแรกคือ นิวเคลียร์ หรือปรมาณู รองลงมา ได้แก่ น้ำ ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ จะเห็นว่า 3 อันดับแรก ทุกรัฐบาลพยายามทำมาหมดเลย พลังงานปรมาณู คิดมาก็ทำไม่ได้ เพราะมีข้อจำกัดทางกฎหมาย ไม่ใช่ของประเทศไทย แต่เป็นกฎระเบียนตามหลักสากลที่กำหนดไว้ว่าการสร้างโรงไฟฟ้าปรมาณูจะต้องตั้งไกลชุมชน มีแหล่งน้ำหล่อเลี้ยงเพียงพอ ไม่ต้องไปต่อต้านหรอก เท่าที่ผมดูสถานที่ในเมืองไทยหลายแห่ง สถานที่เหมาะสมในการตั้งโรงไฟฟ้าปรมาณู ยังมองไม่เห็น รัฐบาลเหลือเวลาอีก 2 ปี ไม่มีโอกาสทำแน่นอน
มาถึงเรื่องน้ำ ประเทศไทยมีแหล่งน้ำที่ทำได้เหนือสุโขทัยขึ้นไป นั่นคือ แก่งเสือเต้น แต่แค่คิดไปทำเขื่อนกักเก็บน้ำ ไม่ได้สร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าก็มีคนออกมาชุมนุมเรียกร้องกันแล้ว แต่เวลาชาวบ้านประสบภาวะน้ำท่วมไม่เห็นมาช่วยเหลือชาวบ้านบ้างเลย แต่เวลามีแผนป้องกันน้ำท่วมต่างก็มาเรียกร้องกันใหญ่
สุดท้ายจึงเหลือแค่ถ่านหิน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงตัวเดียวที่ทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลง ถ้าที่ประเทศไทยไม่ให้ทำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทยต้องไปทำความเข้าใจ ไปแย่งชิงประชาชนพาไปดูโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดที่มาบตาพุด ไปเยี่ยมชมถ่านหินสะอาดเป็นอย่างไร แม่เมาะสะอาดอย่างไร ไปเยี่ยมชมญี่ปุ่น เกาหลี และออสเตรเลีย สำหรับคนที่ไปดูแล้วต้องอธิบายต่อให้ประชาชนเข้าใจได้ และต้องเชิญชวนวิทยุชุม ชนไปดูข้อเท็จจริงเพื่อนำไปเผยแพร่ข้อมูล ให้ชุมชนเข้าใจ แต่ที่ผ่านมามีแต่คนต่อต้าน ไปพูดให้คนที่ไม่เข้าใจจนหลงเชื่อ
"ผมเองไม่มีแผนการให้บริษัทใดบริษัทหนึ่ง ผมไม่มีส่วนผูกพันกับทุกบริษัท ยิ่งบริษัทบ้านปูไม่มีความผูกพันกันเลย" เขาปฏิเสธอย่างหนักแน่นหลังจากมีข่าวลือว่าบริษัทบ้านปูจะได้โรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ระหว่างที่ประเทศไทยไม่ให้สร้างถ่านหิน เพราะว่ามีคนต่อต้าน แต่ประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศต่างยินดีสร้างแล้วขายไฟฟ้า ให้กับประเทศไทย แต่ถ้าเราไปซื้อไฟฟ้าจากเพื่อนบ้านตลอด เราจะมีความมั่นคงพลังงานตรงไหน
เช่นเดียวกับการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ทำเพื่อประโยชน์คนใช้น้ำมัน เพราะวันนี้เป็นการเก็บเงินจาก คนใช้น้ำมันไปชดเชยให้คนใช้ก๊าซ LPG ที่จริงคนใช้ก๊าซ LPG หุงต้มกินน้อย คิดเป็นเงินไม่กี่สตางค์ต่อจาน แต่มีคนเอาก๊าซ LPG หุงต้มไปขายภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีการไล่ตามจับกัน อยู่ แต่ละปีมีเงินอุดหนุนหลายหมื่นล้านบาท
สุดท้ายคนที่อุดหนุนคือ คนใช้รถยนต์ ถ้าไม่อุดหนุนวันหนึ่ง 1 บาท 10 วัน ก็ 10 บาท แต่ทานข้าวไม่ถึงบาทต่อวัน คนใช้รถยนต์เสียเปรียบ จึงเลือกอุดหนุนเฉพาะคนมีรายได้น้อยตอนนี้มีอยู่ 9 ล้านครัวเรือนคูณสองเข้าไปก็จะตกอยู่ที่ 18 ล้านคน น่าจะเพียงพอแล้ว คนที่เดินขบวนคัดค้านไม่ได้เดือดร้อน เอาเงินมาจากไหนต่อต้าน ต้องไปตรวจสอบด้วย