เปิดศูนย์อำนวยการภาวะฉุกเฉิน สงกรานต์ ไครซิส

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

เปิดศูนย์อำนวยการภาวะฉุกเฉิน สงกรานต์ ไครซิส


"กระทรวงพลังงาน" ยังไม่คลายความกังวลต่อสถานการณ์วิกฤติพลังงานของประเทศ แม้ว่าผ่านวันที่ 5 เมษายน ไปได้ แต่ประเทศไทยก็ยังไม่ผ่านพ้นช่วงวิกฤติ เพราะว่าโรงงานหลายแห่งที่หยุดการผลิต เพื่อสนับสนุนรัฐบาลลดการใช้ปริมาณไฟฟ้าช่วงพีค จะกลับมาเปิดเดินเครื่องอีกครั้งวันที่ 9-10 เมษายน นี้ ซึ่งจะทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับอากาศร้อนระอุเพิ่ม ขึ้นทุกวัน ถ้าอุณหภูมิขยับเกิน 40 องศาเซลเซียสจะทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตาม ไปด้วย โดยอุณหภูมิทุก 1 องศาเซลเซียส จะใช้ไฟฟ้าเพิ่ม 300 เมกะวัตต์
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าว ว่า เมื่อช่วงวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นถึง 39.1 องศาเซลเซียส ทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) อยู่ที่ 26,400 เมกะวัตต์ ผมว่าน่าเป็นห่วงมาก หากวันที่ 9-10 เมษายน นี้ อุณหภูมิขยับขึ้นเกิน 40 องศาเซลเซียส ความต้องการใช้ไฟฟ้าก็จะเพิ่มขึ้นมาก จึงอยากให้ประชาชนให้ความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้าช่วงเวลานี้ด้วย
ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ทั้งประเทศไม่เกิน 27,300 เมกะวัตต์ ระหว่างวันที่ 9-10 เมษายน นี้จะมีปริมาณสำรองไฟฟ้าอยู่แค่ 1,440 เมกะวัตต์เท่านั้น เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้ปีที่ผ่านมา ถือว่ายังอยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง ดังนั้นจำเป็นต้องเร่งสร้างโรงไฟฟ้า เพิ่มเพื่อสร้างความความมั่นคงทาง ด้านพลังงานของประเทศ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต การลงทุนของ ประเทศได้
และเพื่อเป็นการรองรับภาวะวิกฤติ ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้น ทาง ปตท. ได้ดำเนินการตามกรอบ BCM ประกอบด้วย แผน จัดการสภาวะวิกฤติ แผนการกู้คืนระบบ สารสนเทศ แผนการจัดเตรียมทรัพยากร บุคลากร แผนการจัดเตรียมสถานที่ปฏิบัติงานสำรอง และแผนการกู้คืนอาคาร และสถานที่ เพื่อให้องค์กรดำเนินงานได้ต่อเนื่องไม่ให้ธุรกิจหยุดชะงัก และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มในทุกสถานการณ์
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัด การใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการภาวะฉุกเฉิน ที่สำนักงานใหญ่ ปตท.จะมีการเชื่อมต่อ สื่อสารโดยระบบวีดิโอ คอนเฟอเรนซ์ กับศูนย์ปฏิบัติการของ ปตท. ในพื้น ที่ต่างๆ อาทิ ศูนย์ปฏิบัติการระบบท่อ ส่งก๊าซธรรมชาติ จังหวัดชลบุรี โรงแยกก๊าซธรรมชาติระยอง และคลังน้ำมันพระโขนง รวมถึงระบบเชื่อมต่อ การสื่อสารกับหน่วยงานภายนอก โดย เฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประ- เทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจะช่วยให้บริหารงานในภาวะฉุกเฉินได้รวดเร็ว
ทั้งนี้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ปตท. จะแจ้งเหตุการณ์ให้ กฟผ. ทราบทันที เพื่อปรับลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรม ชาติ หรือปรับเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่นทดแทน และแจ้งหน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท.ทราบ เพื่อจัดเตรียมน้ำมัน เชื้อเพลิงประเภทต่างๆ สำหรับทดแทน ก๊าซธรรมชาติที่ขาดหายไป
"การเตรียมพร้อมรองรับแหล่งยาดานาปิดซ่อมบำรุง ระหว่างวันที่ 5-14 เมษายน นี้ ปตท.ได้เตรียมน้ำมันเตา ดีเซล และ LNG สำรอง รวมทั้งสำรอง NGV ในท่อภาคตะวันตก เพื่อ ไม่ให้ขาดแคลน มั่นใจไม่ส่งผลกระทบ ต่อภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง และได้แจ้งขอความร่วมมือผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติแหล่งอื่นๆ ไม่ทำกิจกรรมใดๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการผลิตก๊าซในช่วงนี้ด้วย รวมถึงแผนการเรียกก๊าซธรรม ชาติที่ผลิตได้ในอ่าวไทย และผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติบนบก ในระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติฝั่งตะวันตก" นายไพรินทร์ กล่าว
ด้านนายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า หากประ- เทศไทยยังคงดำเนินนโยบายพึ่งพาการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าเป็นเชื้อเพลิงหลักมีสัดส่วนมาก ถึงถึง 70% ก็จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีค่าไฟฟ้าสูงเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาค เพราะว่าก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยราคาถูกจะค่อยๆ ลดปริมาณลงในอีก 10 ปีข้างหน้า
โรงไฟฟ้าในไทยจะต้องใช้ก๊าซธรรมชาติที่นำมาเข้าในรูป LNG ที่มีราคาสูงกว่าเท่าตัวเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าแทน เมื่อมีการเปิดประเทศเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน (เออีซี) ไทยจะไม่ได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องของราคาค่าไฟฟ้า อีกต่อไป
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและ แผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้จัดกิจกรรม รณรงค์ประหยัดไฟฟ้า "รวมใจคนไทย สู้วิกฤติไฟฟ้า" เพื่อประชาสัมพันธ์และ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชน ร่วมปฏิบัติการ 3 ป. ช่วยชาติประหยัดพลังงานด้วยวิธีง่ายๆ ได้แก่ ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น ปรับแอร์เพิ่มขึ้น 1 องศาฯ ปลดปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ร่วม ปฏิบัติการในระหว่างวันที่ 5-14 เมษายน 2556 นี้ โดยเฉพาะช่วงเวลา 14.00-15.00 น. ซึ่งเป็นชั่วโมงที่มีความต้อง การใช้ไฟฟ้าสูงสุดของวัน เพื่อบรรเทา ผลกระทบจากสถานการณ์ช่วงปิดซ่อมบำรุงแท่นผลิตก๊าซธรรมชาติ
กระทรวงพลังงานคาดว่าหาก ทุกภาคส่วนสามารถประหยัดพลังงาน ตามมาตรการในช่วงวันและเวลาดังกล่าว จะช่วยลดพีคได้ประมาณ 710 เมกะวัตต์ หรือลดการใช้ไฟฟ้าได้ 500,000 หน่วยต่อวัน ลดปริมาณการ ใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าได้ 4.40 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งการประหยัดพลังงานเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรตระหนักและ นำไปปฏิบัติอย่าง ต่อเนื่อง มิใช่ทำเป็นแฟชั่น หรือแบบไฟไหม้ฟางช่วงเกิดวิกฤติ หรือช่วงรณรงค์เท่านั้น


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ