ปตท.เล็งผุดปั๊ม NGV ตามแนวท่อ รองรับรถเมล์ล็อตใหม่ 3,000 คัน

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

ปตท.เล็งผุดปั๊ม NGV ตามแนวท่อ รองรับรถเมล์ล็อตใหม่ 3,000 คัน


หลังจากเจอโรคเลื่อนมาตลอดในที่สุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนออนุมัติโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คัน ขององค์การ ขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) วงเงิน 13,162 ล้านบาท แบ่งเป็น รถปรับอากาศ 1,524 คัน และรถเมล์ธรรมดา 1,659 คัน
โครงการมาราธอนการจัดซื้อรถ เมล์เอ็นจีวีว่ากันว่าจะช่วยประหยัดพลัง งานและค่าใช้จ่ายของ ขสมก. ได้ถึง 4,300 ล้านบาท และทางขสมก. ก็ได้หารือกับ ปตท. เพื่อจัดหาสถานีบริการ NGV ไว้รองรับแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจราจร และรอคิวนานระหว่างการเติมก๊าซ NGV
ที่ผ่านมามียอดรถใช้ก๊าซ NGV เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2555 มีจำนวนรถยนต์พุ่งทะยานขึ้นไปอยู่ที่ 374,900 คัน มียอดการใช้ก๊าซ NGV อยู่ที่ 7,998 ตันต่อวัน ในปี 2556 ยอดรถยนต์ใช้ก๊าซ NGV ยังไต่ระดับเพิ่มขึ้น เป็นตัวเลขกลมๆ อยู่ที่ 400,000 คัน ยอดการใช้ก๊าซ NGV ก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวประมาณ 8,600 ตันต่อวัน
ปตท. ได้จำแนกสัดส่วนจำนวนรถยนต์ใช้ก๊าซ NG ปี 2555 จำนวน 374,900 คัน พบว่า รถยนต์ส่วนตัว รถตู้ รถกระบะ มีจำนวนใช้ก๊าซ NGV มากสุด คิดเป็น 67% รองลงมาเป็นรถแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก 18% รถบรรทุก รถหัวลาก 12% และรถโดยสาร 3%
แต่ถ้าหากไปดูยอดการใช้ก๊าซ NGV จะพบว่า รถบรรทุกและรถหัวลาก จะใช้ก๊าซ NGV มากสุดคิดเป็นนสัดส่วน 49% รองลงมาเป็นรถยนต์ส่วนตัว รถตู้ รถกระบะ 32% ตามติดมาด้วยรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก 10% และรถโดยสาร 9%
แต่หลังจากรถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คัน เข้าประจำการก็จะทำให้สัดส่วนรถโดยสารใช้ก๊าซ NGV เพิ่มขึ้น และยอดการใช้ก๊าซ NGV ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ปตท.เคยประเมินไว้ว่า ถ้าหาก ขสมก.มีการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 4,000 คัน ซึ่งแต่ละคันจะมียอดการใช้ก๊าซ NGV คันละ 150 กิโลกรัมต่อวัน แต่เมื่อกระทรวงคมนาคมลดยอดการจัดซื้อรถเมล์ NGV จาก 4,000 คันเหลือ 3,184 คัน ก็จะทำให้ยอดการใช้ก๊าซ NGV เพิ่มขึ้นจาก 6,000 ตันต่อวัน เหลือ มาอีก 450 ตันต่อวัน ซึ่งปตท. ยืนยันว่า มีปริมาณก๊าซ NGV รองรับกับจำนวนรถเมล์ที่เพิ่มขึ้นแน่นอน เมื่อถึงเวลาที่รถเมล์ NGV ทยอยเข้ามาเปิดให้บริการ กับประชาชน
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่เป็นการสร้าง ปัญหาให้กับประชาชนทั่วไปตามสถานีบริการก๊าซ NGV ที่รอคิวในการเติมก๊าซ NGV และเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดตามมานั้น ทาง ปตท. ได้หารือกับ ขสมก.ในการสร้างสถานีแนวท่อขึ้นมารองรับรถเมล์ NGV ที่จะมาให้บริการเป็นการเฉพาะ โดยรูปแบบการลงทุนจะมีทั้ง ปตท. ลงทุนเอง และ ขสมก. จัดหาสถานที่เพื่อก่อสร้างสถานีก๊าซ NGV ตามแนวท่อด้วย โดยพื้นที่ตามแนวท่อ ได้แก่ ด้านทิศเหนือ อยู่ย่านปทุมธานี ทิศตะวันออก อยู่ย่านร่มเกล้า กิ่งแก้ว ด้านทิศใต้ ย่านสมุทรปราการ พระประแดง และทิศตะวันตก อยู่ย่านสถานีขนส่งสายใต้ และถนนกาญจนาภิเษก
ปัจจุบัน ปตท.มีจำนวนสถานีก๊าซ NGV ทั่วประเทศประมาณ 483 สถานี ครอบคลุม 54 จังหวัด แต่ยอดการใช้ก๊าซ NGV ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 44.3% และหลังจากยอด รถเมล์ใช้ก๊าซ NGV เพิ่มก็จะทำให้ยอดการใช้ก๊าซ NGV ในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
จากยอดการใช้ก๊าซ NGV เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้ ปตท. ต้องแบกรับภาระชดเชยสะสมในปี 2547 คาดว่าจะทะลุถึงแสนล้านบาท
ขณะที่ก๊าซ LPG เริ่มเห็นเค้าลางการปรับขึ้นราคาแล้ว หลังจากสำนัก งานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (สวนดุสิตโพล) ลงพื้นที่สำรวจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (LPG)
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังเชื่อ ว่าจะสามารถปรับราคาก๊าซ LPG ได้ภาย ในปีนี้ ซึ่งตามแผนที่ได้ตั้งเป้าหมายการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ไว้ที่ 6 บาทต่อกิโลกรัม โดยเป็นการทยอยปรับราคาเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม เพื่อให้ราคาขยับขึ้นไปอยู่ที่ 24.82 บาทต่อกิโลกรัม จากราคาปัจจุบัน 18.13 บาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้ สวนดุสิตโพล ได้ชี้แจงว่าแม่ค้าพ่อค้าหาบเร่แผงลอยให้การสนับสนุนการขึ้นราคาก๊าซ LPG ในภาคครัวเรือนเต็มที่ เพราะว่าการขึ้นราคา LPG จะมีผลกระทบต่อต้นทุนผลิตเล็กน้อยเพียง 20-30 สตางค์เท่า นั้น ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่ากระทรวงพลังงานจะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือ อยู่แล้ว
สำหรับการอุดหนุนราคาก๊าซ LPG จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม และวิธีการสนับสนุนราคาต้องแยกจากกันอย่างชัดเจนดังนี้ 1.กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน โดย ใช้วิธีการเฉลี่ยค่าไฟ เดือนมกราคม-ธันวาคม 2555 มีจำนวนรวมประมาณ 7.42 ล้านครัว เรือน แบ่งเป็นการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) 2.41 แสนครัวเรือน และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 7.18 ล้านครัวเรือน โดย กลุ่มนี้จะใช้วิธีอุดหนุนผ่านเข้าบัญชีโดยตรง เดือนละ 36 บาท
กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย มีการประมาณไว้ที่ 5 แสนราย อยู่ระหว่างคิดหาวิธีการ เช่น การออกบัตร เพื่อใช้ซื้อก๊าซ โดย สามารถหักตรงได้ทันที เพื่อลดราคา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยกลุ่มพ่อค้าจะได้รับการสนับสนุน 150 กิโลกรัมต่อเดือน กิโลกรัมละประมาณ 6 บาท รวมเป็นวงเงินอุดหนุนประมาณ 900 บาทต่อเดือน ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าจะได้รับการอุดหนุน 6 กิโลกรัมต่อเดือน รวมประมาณ 36 บาทต่อเดือน เช่นกัน


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ