"น้ำมันดิบ" ทำราคาร่วงแข่งกับราคาทองคำอย่างต่อเนื่องเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังประเทศจีนผู้ใช้น้ำมันดิบอันดับ 2 ของโลกได้เปิดเผยตัวเลขอัตราการเติบโตเศรษฐกิจต่ำกว่าที่คาดการณ์ และ IEA ปรับลดอัตราคาดการณ์เติบโตอุปสงค์น้ำมันโลกปีนี้ลง รวมถึงปัญหาทางด้านเศรษฐกิจโลกรุมเร้าทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง ส่งผลให้รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันอิหร่าน Rostam Qasemi อาจจะให้กลุ่มโอเปคจัดการประชุมฉุกเฉินรับมือราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมที่โอเปคจะจัดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 31 พฤษภาคม 2556
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงส่งผลดีต่อราคาขายปลีกน้ำมันของไทยปรับตัวลดลงตามไปด้วย โดยคล้อยหลังเทศกาลสงกรานต์ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติ เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติม ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบง. วันที่ 17 เมษายน 2556 มีมติเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติมในส่วนของกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ที่ 50 ส.ต.ต่อลิตร ดีเซลที่ 1.20 บาทต่อลิตร หลังราคาน้ำมันตลาดโลกในช่วงสงกรานต์ปรับลดลงราว 5-6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งการเก็บเงินเพิ่มส่งผลให้กองทุนน้ำมันมีเงินไหลเข้าเพิ่มเติมวันละ 80 ล้านบาท เป็น 264 ล้านบาท คาดว่าหากราคาน้ำมันยังลดลงอย่างต่อเนื่องจะทำให้ฐานะกองทุนเป็นบวกในอีก 40 วัน หรืออยู่ในช่วงปลายเดือนพ.ค.2556 จากขณะนี้กองทุนน้ำมันมีฐานะติดลบ 11,762 ล้านบาท
เมื่อจัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ กำไรค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันกลุ่มเบนซินยังสูงเกิน 1.50 บาทต่อลิตร โดยเบนซิน 95 ค่าการตลาดอยู่ที่ 3.08 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 1.90 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 1.91 บาท แก๊สโซฮอล์อี 20 อยู่ที่ 1.92 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์อี 85 อยู่ที่ 6.71 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลอยู่ที่ 1.54 บาทต่อลิตร ทำให้ทางผู้ค้าน้ำมันได้ปรับลดราคาเบนซินและแก๊สโซฮอล์หน้าปั๊มอีก 50 สตางค์ต่อลิตร
สำหรับการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯของเบนซิน 95 เดิมเก็บ 9.20 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 9.70 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 เดิม 4 บาทต่อลิตร เป็น 4.50 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 เดิม 1.90 บาทต่อลิตร เป็น 2.40 บาทต่อลิตร, อี 20 เดิมชดเชย 0.20 บาทต่อลิตร เป็นจัดเก็บ 0.30 บาทต่อลิตร, อี 85 เดิมชดเชยคงเดิม 10.90 บาทต่อลิตร และดีเซล เดิมเก็บ 3.20 บาทต่อลิตร เป็น 4.40 บาทต่อลิตร
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันลดลงได้ส่งผลดีต่อกองทุนน้ำมันฯจะกลับมา บวกในอีก 40 วันข้างหน้า ขณะเดียวกันก็ต้องลุ้นกันตัวโก่งด้วยว่า กระทรวงพลังงานจะสามารถนำเงินกองทุนฯไปจ่ายชดเชยกับผู้ใช้ก๊าซ LPG ได้หรือไม่ภายหลังจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ส่งเรื่องการขอใช้เงินกองทุนน้ำมันมาจ่ายให้ผู้ใช้ก๊าซ LPG ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการ สนพ. กล่าวว่า ถ้ากฤษฎีกาตีความว่า ไม่สามารถใช้เงินกองทุนน้ำมันได้ กระทรวงพลังงานได้มีแผนรองรับไว้แล้ว ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะเป็นผู้ตัดสินใจ
ถ้าหากสามารถมีการปรับโครงสร้าง ราคาก๊าซ LPG ได้สำเร็จก็จะส่งผลดีต่อราคาน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซลลดลง ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ดีเซล และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เพื่ออุดหนุนราคาก๊าซ LPG โดยมีเป้าหมายการปรับราคาจาก 18.13 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 24.82 บาทต่อกิโลกรัม ในสิ้นปี 2556 เบื้องต้นคาดว่าจะทยอยปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม
สำหรับราคาน้ำมันกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงขาลง คาดว่าราคาน่าจะปรับลดลงต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3 ปีนี้ โดยปัญหานิวเคลียร์เกาหลี และเหตุระเบิดบริเวณใกล้เส้นชัยของการแข่งขัน วิ่งแข่ง "บอสตัน มาราธอน" ที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐฯ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน เห็นได้จากราคาน้ำมันดิบดูไบยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 97.50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากช่วงก่อนสงกรานต์อยู่ที่ 103.15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2556 พบว่า อุตสาหกรรมรายภาคได้แสดงความเป็นห่วงต่อราคาพลังงาน โดยอุตสาหกรรมภาคเหนือผู้ประกอบการกังวล ต่อต้นทุนการผลิต รวมทั้งราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนสถานการณ์ภัยแล้งด้วย เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมภาคเหนือพบว่า ปัจจัยลบที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ได้แก่ ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าจ้างแรงงาน ราคาพลังงาน และภัยแล้งเช่นเดียวกัน