นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงประเด็นที่โลกสังคมออนไลน์จุดกระแสราคาน้ำมันในประเทศไทยแพงกว่าประเทศอื่นๆ ว่า ในความเป็นจริงแล้วในเรื่องราคาน้ำมันนั้น ต้องดูกันไปถึงโครงสร้างราคาน้ำมันประกอบกับภาษีต่างๆ และการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นต้น เพราะว่าราคาน้ำมันจะแพงกว่ากันก็เกิดจากส่วนนี้ ซึ่งบางประเทศเก็บสูงมาก เพราะเขาต้องการให้คนประหยัด และนำเงินที่ได้มาส่งเข้ารัฐ ประเทศไทยก็มีภาษีสารพัดเหมือนกัน แต่เมื่อราคารวมออกมาขายให้คนไทยแล้วยังถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับบางประเทศ
"ตัวเลขการจัดหาพลังงานในประเทศปี 2555 ไทยผลิตก๊าซธรรมชาติได้ 3,680 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน น้ำมันดิบ 145,000 บาร์เรลต่อวัน แต่ความต้องการก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 4,800 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน น้ำมันดิบ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนต่างที่เหลือก็คือการที่ไทยต้องนำเข้านั่นเอง" รมว.กระทรวงพลังงาน กล่าว
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากมองในแง่การสำรองน้ำมันที่มีการพิสูจน์แล้วจะพบว่าไทยมีปริมาณน้ำมันดิบสำรองเพียง 400 ล้านบาร์เรล หากมีการใช้ในอัตราปัจจุบันก็ใช้ได้อีก 8 ปี ขณะที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่าง ซาอุดีอาระเบีย มีปริมาณน้ำมันดิบสำรอง 265,000 ล้านบาร์เรล สามารถดูดน้ำมันขึ้นมาผลิตได้ 75 ปี ส่วนเวเนซุเอลา มีปริมาณน้ำมันดิบสำรอง 296,500 ล้านบาร์เรล สามารถดูดน้ำมันขึ้นมาผลิตได้ 258 ปี จึงเป็นสาเหตุที่ไทยจะต้องซื้อน้ำมันจากต่างประเทศเข้ามาใช้ในประเทศ เพราะเรามีสำรองที่แตกต่างจากประเทศอื่น ในขณะที่ความต้องการในประเทศยังโตอย่างต่อเนื่อง และที่เราต้องใช้ก๊าซเยอะก็เพราะก่อนหน้าประเทศไทยค้นพบก๊าซฯเป็นหลัก แต่ขณะนี้ต้องพึ่งพิงก๊าซฯจากเพื่อนบ้าน และมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
"ประเทศไทยผลิตน้ำมันดิบรวมกันได้แค่ 145,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 15% โดยไทยยังต้องนำเข้าน้ำมันดิบ 850,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 85% เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำมันในประเทศสูงถึงวันละ 1,000,000 บาร์เรลต่อวัน"