อานิสงส์เงินบาทแข็งฉุดค่าเอฟทีลด กกพ.ไฟเขียวแผนประจำปี 2.6 พันล้าน

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อานิสงส์เงินบาทแข็งฉุดค่าเอฟทีลด กกพ.ไฟเขียวแผนประจำปี 2.6 พันล้าน


ตามที่คณะกรรมการกำกับ กิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติการประชุม เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2556 เห็นชอบผลการคำนวณค่า Ft ประจำเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2556 เท่ากับ 45.92 สตางค์ต่อหน่วย และได้เปิดรับฟังความคิดเห็นในช่วงวันที่ 25 เมษายน-1 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมานั้น
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่า จากการรับฟังความคิดเห็นค่า Ft ตามมติดังกล่าว ผ่านทาง www.erc.or.th ของสำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน-1 พฤษภาคม 2556 นั้น ได้มีผู้สนใจเข้าชมทางเว็บไซต์ จำนวน 118 ราย และได้แสดงความคิดเห็นว่า การปรับลดค่า Ft ในครั้งนี้จะเป็นผลดีในการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน ได้ โดยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุม กกพ.ได้รับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ และได้เห็นชอบค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) ขายปลีก สำหรับเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าในใบเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้าเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2556 เท่ากับ 46.92 สตางค์ต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งได้ปรับลดลง 5.12 สตางค์ต่อหน่วยจากค่า Ft งวดที่ผ่านมา (ค่า Ft งวดที่ผ่านมาเรียกเก็บที่ 52.04 สตางค์ต่อหน่วย)
ทั้งนี้ การปรับลดค่า Ft ในครั้งนี้ มีปัจจัยมาจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ราคาเชื้อเพลิงโดยรวมลดลงประกอบกับราคาก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเตาในตลาดโลดลดลง อีกทั้งในช่วงที่มีวิกฤติก๊าซธรรมชาติในช่วงเดือน เมษายน 2556 ที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในการประหยัดพลังงาน ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลเพื่อผลิตไฟฟ้าในช่วงดังกล่าวลดลงจากแผนที่วางไว้ ซึ่ง การปรับลดค่า Ft ในครั้งนี้ ได้ช่วยลดภาระที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับไว้เป็นเงินกว่า 5,000 ล้านบาท จากการตรึงค่า Ft ในงวดที่แล้วได้ทั้งหมดด้วย
กกพ.อนุมัติแผนงานประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2556 ประเดิม 5 กองทุน เป็นเงินกว่า 174 ล้านบาท จำนวน 702 โครงการ
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก กล่าวอีกว่า กกพ. ยังได้อนุมัติกรอบงบประมาณสำหรับการจัดทำแผนงานประจำปี พ.ศ.2556 ให้กับกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศ จำนวน 51 กองทุน แบ่งเป็นกองทุนประเภท ก จำนวน 11 กองทุน และกองทุนประเภท ข จำนวน 40 กองทุน เป็นงบประมาณกว่า 2,600 ล้านบาท
สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ.2556 นี้ กกพ. กำหนดให้กองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศต้องจัดทำแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ.2556 - 2558) เพื่อแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายและทิศทางในการพัฒนาของกองทุนฯ ในระยะ 3 ปีข้างหน้า อย่างชัดเจนและ เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น นอกจากนี้กองทุนประเภท ก จะต้องดำเนินการศึกษา ประเมิน และวิจัยผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 ด้วย และสำหรับกองทุนประเภท ข หากกองทุนฯ ใดมีการศึกษา ในเรื่องดังกล่าวแล้ว ก็สามารถเสนอเพิ่มเติมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานประจำปีได้
ในขณะนี้ มีกองทุนพัฒนาไฟฟ้าในพื้นที่ประกาศที่จัดส่งแผนงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 และได้รับอนุมัติจาก กกพ. แล้ว จำนวน 5 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา กองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก กองทุนพัฒนาไฟฟ้าโรงไฟฟ้าเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ กองทุนพัฒนาไฟฟ้า บริษัท ด่านช้าง ไบโอ-เอ็นเนอร์ยี จำกัด และกองทุนพัฒนาไฟฟ้า บริษัท เอ.ที. ไบโอพาวเวอร์ จำกัด โดยมีโครงการชุมชนที่ได้รับอนุมัติจำนวน 702 โครงการ เป็นเงินรวมทั้งสิ้นกว่า 174 ล้านบาท จำแนกเป็นค่าใช้จ่ายในการบริการจัดการ 16 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเป็นเงินกว่า 158 ล้านบาท ซึ่งในภาพรวมของประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 นี้ ทั้ง 5 กองทุน เน้นการพัฒนาด้านการพัฒนาชุมชนและองค์กร ชุมชน และด้านการพัฒนาการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีตามลำดับ หลังจากนี้ คพรฟ. จะต้องเร่งพิจารณาและแจ้งผลการอนุมัติโครง-การชุมชน เพื่อให้มีการใช้จ่ายเงินกอง ทุนพัฒนาไฟฟ้า ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนในพื้นที่ประกาศต่อไป


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ