เบรกขุดปิโตรเลียม22แปลงเสี่ยงพลังงานขาดแคลนวืดขุมทรัพย์ใต้ดิน9.6แสนล้าน

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เบรกขุดปิโตรเลียม22แปลงเสี่ยงพลังงานขาดแคลนวืดขุมทรัพย์ใต้ดิน9.6แสนล้าน


ประเทศไทยมีการใช้พลังงานขั้นต้นในเชิงพาณิชย์ปีละไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบ คิดเป็นมูลค่าการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายมากถึง 2.1 ล้านล้านบาท โดยภาคอุตสาหกรรม มีการใช้พลังงานมากสุด 37% รองลงมา เป็นภาคขนส่ง 36% ภาคธุรกิจและ ที่พักอาศัย 22% และภาคการเกษตร 5% ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานมีสัดส่วนมาก ถึง 18% ของจีดีพี
จากความต้องการของการใช้พลัง งานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศ ไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประ-เทศ โดยมีการนำเข้าน้ำมันดิบ 790,000 บาร์เรลต่อวัน แต่มีการขุดเจาะเชื้อเพลิงในประเทศเล็กน้อย แบ่งเป็นก๊าซธรรมชาติเหลว 91,000 บาร์เรลต่อวัน และน้ำมันดิบ 145,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งในส่วนของน้ำมันดิบนี้มีการส่งออก 44,000 บาร์เรลต่อวัน เพราะว่าเป็นน้ำมันดิบคุณภาพไม่เหมาะสมกับโรงกลั่นคิดเป็น 30% ของปริมาณการผลิตภายในประเทศ หรือ คิดเป็นประมาณ 4% ของความต้องการใช้ภายในประเทศ จนนำไปสู่การคัดค้านการขุดเจาะปิโตรเลียมในประเทศ
ปัจจุบันการจัดหาปิโตรเลียมในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 43% ของความ ต้องการใช้พลังงานขั้นต้นของประเทศ แบ่งเป็นก๊าซธรรมชาติ 3,680 ล้านลูกบาศก์ ฟุตต่อวัน ก๊าซธรรมชาติเหลว 91,000 บาร์เรลต่อวัน และน้ำมัน 145,000 บาร์เรล ต่อวัน โดยเชื้อเพลิงทั้งหมดนี้มาจากแหล่งปิโตรเลียมที่กำลังการผลิต จำนวน 60 แห่ง
ในปี 2555 รัฐมีรายได้รวมจากการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 161,911 ล้าน บาท แต่ถ้ารวมรายได้ตั้งแต่ปี 2514-2555 รัฐมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1.27 ล้านล้านบาท จัดสรรให้ท้องถิ่น 25,551 ล้านบาท และขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังอยู่ระหว่าง การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ซึ่งจากการสำรวจหลายพื้นที่พบตะกอนที่ทำให้เชื่อว่ามีปิโตรเลียม สำหรับการเปิดสัมมนาปิโตรเลียมรอบที่ 20 ในปี 2550 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้เปิดให้ยื่นขอ 65 แปลง ปรากฏว่าสามารถให้สัมปทานได้ 28 แปลง ยังคงเหลืออีก 23 แปลงสำรวจ
ที่ผ่านมากรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้มีการสำรวจหาแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ตั้งแต่ปี 2505 โดยส่งทีมสำรวจและขุดเจาะสำรวจมาตลอดกระทั่ง ในปี 2546 ได้ขุดเจาะสำรวจที่บริเวณ ต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี หรือที่เรียกว่า หลุม ดงมูล 1 พบว่า มีก๊าซธรรมชาติอยู่ในชั้นใต้ดิน แต่มีจำนวนไม่มากไม่คุ้มทุนที่จะขุด บ่อเพื่อนำก๊าซออกมาใช้เป็นประโยชน์ในทางธุรกิจภายหลังได้มีสำรวจเพิ่มเติม กระทั่งได้พบหลุมดงมูล 2 ซึ่งพบว่ามีก๊าซธรรมชาติที่มากพอ ซึ่งจากการขุดเจาะลงไปในชั้นใต้ดินพบว่า หลุมดงมูล 2 น่าจะมีปริมาณก๊าซธรรมชาติมากถึง 12 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ถือเป็นบ่อที่ 3 ที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้สำรวจพบในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากบ่อก๊าซธรรมชาติน้ำพอง 1 จังหวัดขอนแก่น ที่มีปริมาณก๊าซ 15 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และที่ภูฮ่อม 1 จังหวัดอุดรธานี วันละ 30 ล้านลูกบาศก์ฟุต
นายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวถึงความคืบหน้า การเปิดสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมในรอบที่ 21 จำนวน 22 แปลงว่าขณะนี้กรมเชื้อเพลิงอยู่ระหว่างการทำความเข้าใจกับทุก ภาคส่วนเกี่ยวกับความจำเป็นของประเทศ ที่จะต้องมีการจัดหาปิโตรเลียมเพิ่มเติม เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ ให้ได้มากที่สุด และมีผลกระทบสิ่งแวดล้อม น้อยที่สุด หลังจากที่ผ่านมาได้รับแรงต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับความไม่เข้าใจกัน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
"ขณะนี้ได้ขอให้สถาบันปิโตรเลียมศึกษาเปรียบเทียบการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน และค่าภาคหลวงที่ได้จากการผลิตปิโตรเลียมระหว่างของไทยและประเทศอื่นๆเพื่อนำมาชี้แจงต่อสาธารณชนว่า การจัดเก็บผลตอบแทนให้รัฐ มีความแตกต่างกันอย่างไรซึ่งที่ผ่านมายืนยันว่า การจัดเก็บค่าภาคหลวงและผลประโยชน์ตอบแทนเป็นอัตราที่เหมาะสม โดยที่ผ่าน มารัฐบาลมีรายได้จากค่าภาคหลวงและภาษีปิโตรเลียมเฉลี่ยปีละ 1.6 แสนล้านบาท" อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พลังงาน ได้สั่งให้เลื่อนการออกประกาศเชิญชวนให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 จนกว่าการสร้างความเข้าใจเรื่อง พลังงานของไทยโดยมอบหมายให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไปดำเนินการเพื่อให้กระแสการคัดค้านการขุดเจาะปิโตรเลียมดีขึ้น
"ต้องยอมรับการเลื่อนเปิดสัมปทานปิโตรเลียมออกไปทำให้ไทยเสียโอกาสในการหาแหล่งพลังงานใหม่ๆสำรองไว้ใช้ในประเทศ ในขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันมีใช้ได้อีก 8 ปีเท่านั้น" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ในอนาคตไทยยังต้องเป็น ผู้นำเข้าพลังงานในอันดับต้นๆ แม้ปัจจุบัน จะมีแหล่งพลังงานในประเทศจากการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมในช่วงที่ผ่านมา แต่ ก็สามารถผลิตน้ำมันดิบได้เพียงวันละ 145,000 บาร์เรลต่อวัน และยังต้องนำเข้า อีกส่วนหนึ่ง เพื่อให้เพียงพอกับความต้อง การใช้น้ำมันวันละ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ในความเป็นจริงแล้วภาครัฐควรจะเปิดสัมปทานปิโตรเลียมให้มีความต่อเนื่อง เพื่อหาแหล่งพลังงานใหม่ให้กับประเทศ ซึ่งการขุดเจาะปิโตรเลียมในไทยต้องใช้เวลา บางครั้งขุดไป 20 หลุม เจอน้ำมันหรือก๊าซแค่ 1-2 หลุมเท่านั้น และไทยก็ไม่ได้เปิดสัมปทานมาแล้ว 5 ปีซึ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนพลังงาน และภาครัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่าแสนล้านบาทด้วย
สำหรับแปลงที่จะเปิดให้ยื่นขอสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 รวม 22 แปลง แบ่งเป็นแปลงบนบกภาคเหนือและภาคกลาง 6 แปลง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 แปลง และอ่าวไทย 5 แปลง รวมพื้นที่ 43,978.17 ตารางกิโลเมตร มูลค่าการลง ทุน 3,200 ล้านบาท มูลค่าทรัพยากรปิโตรเลียมประมาณ 9.6 แสนล้านบาท


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ