บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ - RATCH ทุ่มงบหมื่นล้านลงทุนโครงการใหม่ เดินหน้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 2 แห่ง ที่ประเทศออสเตรเลีย คาดได้ข้อสรุปปลายปีนี้ เผยไตรมาสแรกฟันกำไรกว่า 2 พันล้านบาท
นายเกรียงฤทธิ์ เจียจันทร์พงษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนลงทุนโครงการใหม่ในปี 2556 จำนวน 10,000 ล้านบาท แบ่งงบเพื่อพัฒนาโครงการที่ลงทุนแล้วให้แล้วเสร็จตามแผนงาน และการลงทุนโครงการใหม่ ประกอบด้วยการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในออสเตรเลีย ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่ง ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 4,000 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดสถานะของกิจการโรงไฟฟ้า คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะลงทุนเพิ่มโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม 2 แห่งในรัฐนิวเซาท์เวลส์ และรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย กำลังการผลิตติดตั้งรวม 430 เมกะวัตต์ โครงการแรกจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในไตรมาส 2 ปีนี้ และโครงการที่สอง จะเริ่มการก่อสร้างในปี 2557 โดยบริษัทมุ่งขยายกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7,800 เมกะวัตต์ในปี 2559
"บริษัทอยู่ระหว่างการฟอร์มทีมพาร์ตเนอร์เพื่อซื้อกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ออสเตรเลียได้มีการแปรรูป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดสถานะกิจการ แต่คงไม่เข้าซื้อทั้งหมด คาดว่าจะรู้ผลการประมูลปี 2556 ส่วนพลังงานลมจะเป็นการร่วมทุนกับเจ้าของที่ดินถือหุ้น โดยบริษัทจะถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 50%"
ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตรวม 6,303 เมกะวัตต์ ทั้งจากโครงการที่เดินเครื่องจำหน่ายกระแสไฟฟ้าแล้ว 26 โครงการ และโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีก 7 โครงการ ซึ่งโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนามีความก้าวหน้าตามแผนงาน ที่สำคัญได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าหงสา ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภค ตลอดจนงานก่อสร้างเหมืองถ่านหินคืบหน้าอย่างมาก คาดว่าจะสามารถทดสอบเดินเครื่องได้ในปี 2557 ส่วนโครงการ โรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน เซน้ำน้อย อยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาเงินกู้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ปีนี้
"โรงไฟฟ้าหงสา ที่สปป.ลาว ขนาดกำลังผลิต 1,876 เมกะวัตต์ โดยราชบุรีถือหุ้น 40% คาดว่าจะเริ่มทดลองเดินเครื่องในกลางปี 2557 และเริ่มจ่ายไฟเข้าระบบโรงแรกในเดือนมิถุนายน 2558 และครบ 3 โรงในเดือนเมษายน 2559 ซึ่งบริษัทจะรับรู้รายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 750 ล้านบาท/โรง ส่วนโครงการเซเปียน เซน้ำน้อย ที่สปป.ลาว กำลังติดตั้ง 410 เมกะวัตต์ บริษัทถือหุ้น 25% ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟเข้าระบบในปี 2561 โดยมีแผนจัดหาเงินกู้วงเงิน 700 ล้านเหรียญให้แล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2556 จำนวน 700 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการราชบุรีเวอลด์โคเจนเนอเรชั่น ที่นิคมอุตสาหกรรมราชบุรี บริษัทถือหุ้นอยู่ 40% มีโรงไฟฟ้า 2 โรง กำลังติดตั้งรวม 210 เมกะวัตต์ และไอน้ำกว่า 20 ตัน คาดว่าจะแล้วเสร็จผลิตเชิงพาณิชย์ได้กลางปี 2557"
นายเกรียงฤทธิ์ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2556 บริษัทมีรายได้ 13,389 ล้านบาท และมีกำไร 2,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักเป็นผลมาจากรายได้ค่าขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าราชบุรี โรงไฟฟ้าของ RAC (RATCH-Australia Corporation Limited) ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมลงทุนรวม 530 ล้านบาท และเงินปันผลจากการถือหุ้นใน EDL-Gen จำนวน 130 ล้านบาท
"รายได้ของบริษัท ไตรมาสแรกจำนวน 13,389 ล้านบาท เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากค่าขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนที่อยู่ในประเทศ สปป.ลาว และออสเตรเลีย รวมทั้งเงินปันผลจากการถือหุ้น EDL-Gen สำหรับการขยายกำลังผลิต บริษัทได้จัดสรรงบลงทุนจำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการที่มีอยู่แล้วและโครงการใหม่ ซึ่งไม่เพียงลงทุนโครงการประเภท Greenfield และ Brownfield เท่านั้น แต่ยังเพิ่มน้ำหนักการเข้าซื้อกิจการและการถือหุ้นในรูปแบบต่างๆ เพื่อเสริมความมั่นคงของกระแสเงินสดและสภาพคล่องของบริษัทด้วย"