นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ในวันที่ 1 มิถุนายน 2556 นี้ คาดว่าจะไม่สามารถ ปรับขึ้นได้ทันตามกำหนด โดยอาจเป็นเดือนถัดไปเนื่องจากอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG จะกระทบ ผู้ใช้เพียงร้อยละ 10 สตางค์ และจะไม่กระทบกับผู้ประกอบการรายย่อย และผู้ที่มีรายได้น้อย อย่างไรก็ตาม ถ้าหากไม่มีการปรับราคาจะเป็นการเอาเปรียบผู้มีรายได้น้อย ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถแท็กซี่ และรถตุ๊กตุ๊กเพราะว่าทุกวันนี้มีการนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปอุดหนุนราคาก๊าซ LPG
"วันนี้คนใช้ก๊าซ LPG รัฐบาลเอาเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปสนับสนุน ซึ่งเก็บเงินมาจากน้ำมันโซล่าร์น้ำมัน เบนซิน การที่มีคนต่อต้านไม่ให้ขึ้นราคาก๊าซ LPG เท่ากับไปปล้นเงินของคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง รถแท็กซี่ ซึ่งคนเหล่านั้นก็ยากจนเหมือนกัน"
ทั้งนี้ รัฐบาลมีแผนจะปรับขึ้นราคา ก๊าซ LPG เฉพาะภาคครัวเรือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2556 ซึ่งเป็นการทยอยปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม จากระดับปัจจุบันที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อให้ราคาขยับขึ้นไปเท่ากับราคาก๊าซ LPG ในภาคขนส่งที่ขายอยู่ที่ระดับ 21.38 บาทต่อกิโลกรัม และจะปรับขึ้นพร้อมกัน จนถึง 24.13 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือคนที่มีรายได้น้อยจำนวน 7.6 ล้านครัวเรือนหรือประมาณ 15 ล้านคน วิธีการของรัฐจะทำให้ความเป็นธรรมในสังคมเกิดขึ้น แม้จะมีเสียงคัดค้านแต่คิดว่าไม่มากนัก ยืนยันว่าการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มจะไม่กระทบภาค ครัวเรือน และการที่เราให้คนขับรถรับจ้างสาธารณะต้องเอาเงินค่าน้ำมันมาอุดหนุนก๊าซ LPG ตนคิดว่าไม่เป็น ธรรม แต่การปรับขึ้นราคาวันที่ 1 มิถุนายน นี้ คงไม่ทันเพราะการสำรวจผู้มีสิทธิ์ ได้รับการชดเชยราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เสร็จแล้วต้องเอาข้อมูลทั้งหมด มาประมวล คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกอย่าง น้อยเดือนกว่าๆ
ด้านแหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าว ว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางลดผลกระทบให้กับผู้มีรายได้ น้อย จากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน กล่าวว่า เบื้องต้นได้ข้อสรุปเกี่ยวกับรูปแบบการชดเชยราคาก๊าซ LPG ให้ผู้มีรายได้น้อยแล้ว โดย จะมีการออกบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (การ์ด) เพื่อใช้เป็นหลักฐานเมื่อซื้อก๊าซ LPG กับ ร้านค้า โดยเชื่อมโยงข้อมูลกับกระทรวงพลังงานไว้แล้ว
สำหรับความเคลื่อนไหวปริมาณการใช้ก๊าซ LPG ในเดือนมีนาคม 2556 อยู่ที่ 641,000 ตัน แม้การใช้ต่อเดือนจะเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ถึง 9% แต่ หากคิดเป็นการใช้ต่อวันแล้วจะลดลง 1% อยู่ที่ 20,700 ตันต่อวัน โดยเป็นผลจากการลดลงของการใช้ในภาคครัวเรือนถึง 11% มาอยู่ที่ 6,300 ตัน อันเนื่องมาจากมาตรการที่เข้มงวดของภาค รัฐในการตรวจสอบการลักลอบนำก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนไปจำหน่ายยังภาคอื่น นอกจากนี้ การนำเข้าก๊าซ LPG ยังลดลงถึง 25% อยู่ที่ระดับ 136,000 ตัน เนื่องจากปริมาณก๊าซ LPG คงเหลืออยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม การใช้ก๊าซ LPG รวมที่ลดลงไม่มากนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้ในส่วนของภาคขนส่งที่เพิ่มขึ้นถึง 10% อยู่ที่ 5,000 ตันต่อวัน จากความต้องการใช้ที่ขยายตัวขึ้น สำหรับภาคอุตสาหกรรมนั้นเพิ่มเพียง 1% อยู่ที่ 1,800 ตันต่อวัน และภาคปิโตรเคมีนั้นไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนมากนัก โดยอยู่ระดับเท่ากันที่ 7,600 ตันต่อวัน สำหรับการนำเข้าก๊าซ LPG ในเดือน มีนาคม อยู่ที่ 136,000 ตัน รัฐต้องจ่ายเงินชดเชยประมาณ 2,492 ล้านบาท
ขณะที่สถานการณ์การใช้ก๊าซ NGV ในเดือนมีนาคมไม่เปลี่ยนแปลงจาก เดือนก่อนหน้ามากนัก โดยอยู่ระดับเดียว กันที่ 8.6 ล้านกิโลกรัมต่อวัน หากเปรียบ เทียบช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนแล้วพบว่ามีการใช้เพิ่มขึ้น 11%