กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับหนังสือร้องเรียนจากประชาชนในท้องถิ่น อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งแจ้งเบาะแสขอให้ดีเอสไอตรวจสอบการขุดเจาะและสำรวจน้ำมันของบริษัทที่ได้รับอนุญาตในหลายประเด็น เช่น การสำรวจและขุดเจาะน้ำมันได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่ มีการลักลอบนำน้ำมันดิบจากที่ขุดเจาะไปขายพื้นที่อื่น ทิ้งน้ำเสียโดยไม่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียให้ถูกต้อง การกระทำดังกล่าวทำให้รัฐเสียรายได้จากภาษีที่ควรได้รับ อันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่อาจกระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานและกระทบต่อการคลังของประเทศ โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ศูนย์บริหารคดีพิเศษดำเนินการสืบสวนในเรื่องนี้ และจากข้อมูล ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติพบว่า ได้อนุญาตให้บริษัท แพนโอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เข้าทำการสำรวจและผลิตปิโตร-เลียมในพื้นที่ดังกล่าว และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) แจ้งว่า พื้นที่อนุญาตให้สัมปทานผลิตปิโตรเลียมบางส่วนอยู่ในเขต ส.ป.ก. และสำนักงาน ส.ป.ก. ได้ยินยอมให้บริษัท เข้าไป ทำการสำรวจปิโตรเลียมในเขตอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวนพื้นที่ประมาณ 112 ไร่
ส่วนขั้นตอนการผลิตปิโตรเลียม ส.ป.ก. ยังไม่ได้ยินยอมให้บริษัทเข้าไปใช้ประโยชน์ที่ดิน เนื่องจากเป็นอำนาจการพิจารณาของคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ค.ป.ก.) ซึ่งยังไม่ได้มีการพิจารณาแต่อย่างใด
"ดีเอสไอเห็นว่า ตามพ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มีวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงเกี่ยวกับสิทธิและการถือครองที่ดินเพื่อเกษตรกรรม รวมถึงการจัดที่อยู่อาศัยในที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนั้น จึงมีประเด็นว่าสามารถใช้ที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อการอย่างอื่นนอกเหนือจากการใช้เพื่อเกษตรกรรมหรือไม่ และมีประเด็นอื่นๆ ที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ผมจึงมอบหมายให้พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนพร้อมคณะทำงาน ลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประสานงานกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงและสืบสวนเชิงลึกต่อไป"