ท่ามกลางสถานการณ์ประเทศไทยกำลังประสบภาวะวิกฤติพลังงานอย่างต่อเนื่อง แต่การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ได้ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน กลุ่มที่มีปริมาณเพิ่มมากสุดคือ NGV ได้ขยับขึ้นถึง 11% อยู่ที่ 8.3 ล้านกิโลกรัมต่อวัน รองลงมาเป็นเบนซินเพิ่มขึ้น 9% อยู่ที่เฉลี่ย 22.4 ล้านลิตรต่อวัน LPG (ต่อวัน) เพิ่มขึ้น 8% อยู่ที่ 20.8 พันตันต่อเดือน และรั้งท้ายกลุ่มดีเซลหมุนเร็วเพิ่มขึ้น 5% อยู่ที่เฉลี่ย 60.2 ล้านลิตรต่อวัน
แต่ถ้าโฟกัสเฉพาะเดือนเมษายนที่ผานมาภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มเบนซิน 95 เพิ่มขึ้น 2.5% น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ก็ขยับขึ้นเล็กน้อยที่ 2% จากเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้นถึง 81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากนโยบายการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของรัฐบาล ส่วนกลุ่มดีเซล และ NGV ลดลงอย่างละ 3% และ LPG เพิ่มขึ้น 1%
การใชน้ำมันกลุ่มเบนซินในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 22.4 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านลิตรต่อวัน จากช่วงเดียวกันของปี 2555 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้น้ำมันแก๊ส โซฮอล์ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นผลจากรัฐบาลได้มีนโยบายสนับสนุนการใช้น้ำมันทดแทน โดยกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ได้ออกประกาศกำหนดมาตรฐานให้น้ำมันเบนซินเหลือเพียงชนิดเดียว เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2555 ซึ่งทำให้เบนซิน 91 ถูกยกเลิกไปที่โรงกลั่นผู้ผลิต ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นมา ทำให้สัดส่วนการใช้แก๊สโซฮอล์ต่อเบนซินปรับเพิ่มขึ้นจากปลายปีที่ 63 : 37 เป็น 82 : 18 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 และหลังจากนั้น ปริมาณการใช้แก๊สโซฮอล์ก็ปรับเพิ่มขึ้นทุกเดือนจนมาอยู่ที่ 21.0 ล้านลิตรต่อวัน เมื่อเดือนเมษายน 2556 ในขณะที่การใช้น้ำมันเบนซินมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ทำให้สัดส่วนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่อน้ำมันเบนซินในปัจจุบันอยู่ที่ 92 : 8 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับการใช้ LPG ในเดือนเมษายนที่ผานมา อยู่ที่ 628 พันตัน โดยการใช้ต่อวันอยู่ระดับใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา ที่ 21.0 พันตันต่อวัน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของภาคปิโตรเคมี 7% อยู่ที่ 8.1 พันตันต่อวัน ตามการเจริญเติบโตของธุรกิจปิโตรเคมี ส่วนภาคขนส่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 5.0 พันตันต่อวัน ภาคอุตสาหกรรมนั้นลดลงถึง 15% อยู่ที่ 1.5 พันตันต่อวัน เป็นผลจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ หลายแห่งหยุดดำเนินการในช่วงสงกรานต์
ส่วนภาคครัวเรือนลดลง 1.2% อยู่ที่ 6.2 พันตันต่อวัน นอกจากนั้น เมื่อพิจารณายอดการใช้ LPG ต่อวันในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2556 แล้วพบว่า การใช้ภาคครัวเรือนอยู่ที่เฉลี่ย 6.9 พันตันต่อวัน ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การใช้ภาคขนส่งอยู่ที่ 4.5 พันตันต่อวัน เพิ่มขึ้นถึง 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับการนำเข้า LPG ในอยู่ที่ 135 พันตัน รัฐต้องจ่ายเงินชดเชยประมาณ 2,127 ล้านบาท นอกจากนั้น รัฐบาลได้ขยายเวลาการปรับขึ้นราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนออกไป เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ซึ่งจะทยอยปรับขึ้นเป็น 24.82 บาทต่อกิโลกรัม
เมื่อไปดูภาพรวมการใช้ LPG ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้จะเห็นว่ามีปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 623 พันตันต่อเดือน หรือคิดเป็น 20.8 พันตันต่อวัน เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็น การเพิ่มขึ้นของภาคขนส่งและภาคปิโตรเคมีตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะภาคขนส่งเป็นภาคที่การใช้เพิ่มขึ้นสูงที่สุด โดยเพิ่มขึ้นถึง 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 4.5 พันตันต่อวัน ซึ่งปริมาณการใช้ในภาคขนส่งเริ่มปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี เป็นผลจากมาตรการที่เข้มงวดของภาครัฐในการตรวจสอบการลักลอบนำเข้า LPG ภาคครัวเรือนไปจำหน่ายยังภาคอื่นและการกำหนดให้โรงบรรจุห้ามบรรจุเกิน 62,400 กิโลกรัมต่อหัวจ่ายต่อเดือน ทำให้ปริมาณการใช้ภาคขนส่งเพิ่มสูงขึ้นมากและทำให้ปริมาณการใช้ภาคครัวเรือนลดลง 13% มาอยู่ที่ 6.9 พันตันต่อวัน โดยสัดส่วนการใช้ LPG ภาคขนส่งต่อภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากต้นปีที่ 25 : 75 มาอยู่ที่ 45 : 55 ในเดือนเม.ย. 56
การใช้ในภาคอุตสาหกรรมในช่วง 4 เดือนแรกนั้นลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพียงเล็กน้อย ที่ 1% มาอยู่ที่ 1.7 พันตันต่อวัน นอกจากนั้น กองทุนน้ำมันมีรายรับเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 เป็นจำนวน 345 ล้านบาท คำนวณได้จากยอดต่างของภาคขนส่งเทียบเป็นรายเดือนจากเดือนธันวาคม 2555 เทียบเป็นไตรมาสแรก คิดเป็น 116 พันตัน ซึ่งผู้ค้า LPG จะต้องส่งเงินเข้ากองทุนในอัตรา 3.0 บาท เป็นผลจากมาตรการของภาครัฐข้างต้น และยอดการนำเข้า LPG ที่ได้รับเงินชดเชย ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนเมษายน อยู่ที่ 545 พันตัน โดยรัฐต้องจ่ายเงินชดเชยรวมทั้งสิ้นประมาณ 9,919 ล้านบาท