Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 27 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ชำแหละ "โจทย์หิน" อนุรักษ์พลังงาน 1 ล้านล้าน
ชำแหละ "โจทย์หิน" อนุรักษ์พลังงาน 1 ล้านล้าน
วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Tweet
รายงานพิเศษ
ประเทศไทยได้มีการประกาศใช้แผนการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานตั้งแต่ปี 2535 เพียงแต่แผนดังกล่าวครอบคลุมเฉพาะการอนุรักษ์พลังงานภาคอุตสาหกรรมและภาคอาคารธุรกิจเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมถึงภาคขนส่ง ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่ใช้พลังงานสูงถึงประมาณหนึ่งในสามของความต้องการพลังงานรวมของประเทศ
จึงเป็นที่มาของการจัดทำแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปีขึ้นมา ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นแผนเชิงยุทธศาสตร์และมีเป้าหมายการดำเนินการในภาพรวมระหว่างปี 2554-2573 และเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของการขับเคลื่อนการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม จึงเป็นที่มาของการจัดทำแผนปฏิบัติการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อเป็นกรอบของการดำเนินการในช่วง 20 ปีข้างหน้าให้ผู้เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติแบบบูรณาการ รวมถึงพันธกรณีของประเทศไทยที่มีต่อประชาคมโลกภายใต้ข้อตกลงร่วมของผู้นำประเทศในกลุ่มความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ที่จะลดความเข้มข้นของการใช้พลังงาน (Energy Intensity : EI) ต่อไป
เป้าหมายของการอนุรักษ์พลังงานเป็นไปตามพันธกิจของนโยบายของรัฐบาลและพันธกรณีของประเทศไทยที่มีต่อประชาคมโลกที่จะต้องลดความเข้มการใช้พลังงาน หรือ EI หรือพลังงานที่ใช้ต่อหน่วยผลผลิตมวลรวม (GDP) ลงร้อยละ 25 ในปี 2573 เมื่อเทียบกับปี 2553 โดยใช้งบประมาณสนับสนุน 128,740 ล้านบาท เพื่อประหยัดพลังงานให้ได้คิดเป็นมูลค่าถึง 1,104,270 ล้านบาท
หลังจากลงมือทำมา 2 ปี นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ได้วิเคราะห์การขับเคลื่อนแผนอนุรักษ์พลังงานกับ "สยามธุรกิจ" ว่า แผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปีดีอยู่แล้ว เพียงแต่ยังอ่อนด้านประชาสัมพันธ์ทำให้ประชาชนไม่รู้ว่า แต่ละยุทธศาสตร์มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว สิ่งสำคัญการสร้างจิตสำนึกประชาชนให้ประหยัดพลังงานควรทำอย่างต่อเนื่องไม่ใช่ทำเฉพาะเกิดเหตุการณ์วิกฤติพลังงาน เช่น พม่าหยุดส่งก๊าซธรรมชาติ หรือไฟฟ้าดับในพื้นที่ภาคใต้
"ผมมองว่ายุทธศาสตร์ประหยัดพลังงานที่ขาดหายไปและรัฐบาลควรเร่งผลักดันออกมาคือ พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน และมาตรการประหยัดพลังงานภาคบังคับ เช่น เครื่องทำน้ำอุ่นจากพลังงานแสงอาทิตย์ ให้คอนโดฯใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และการใช้วัสดุก่อสร้างที่ประหยัดพลังงาน"
สำหรับยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสู่เป้าหมายภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี มี 6 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 การใช้มาตรการแบบผสมผสานทั้งการบังคับด้วยกฎระเบียบและมาตรฐาน และการส่งเสริมและสนับสนุนด้วยการจูงใจ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การใช้มาตรการที่จะส่งผลกระทบวงกว้างในเชิงการสร้างความตระหนักและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้พลังงานพฤติกรรมการตัดสินใจของผู้ประกอบการ และการเปลี่ยนทิศทางตลาด (Market Transformation) โดยเพิ่มนวัตกรรมในการรณรงค์และประชาสัมพันธ์
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การให้เอกชนเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญ (Public-Private Partnership) ในการส่งเสริมและดำเนินมาตรการอนุรักษ์พลังงาน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การกระจายงานด้านการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานไปยังหน่วยงานองค์กรภาครัฐและเอกชนที่มีความพร้อมด้านทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพลังงาน ยุทธศาสตร์ที่ 5 การใช้มืออาชีพและบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) เป็นกลไกสำคัญเพื่อให้คำปรึกษาและดำเนินมาตรการอนุรักษ์พลังงานที่ต้องใช้เทคนิคที่สูงขึ้น ยุทธศาสตร์ที่ 6 การเพิ่มการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพพลังงานสูง รวมทั้งการเสริมสร้างธุรกิจผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพพลังงาน
ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการในการขับเคลื่อนการอนุรักษ์พลังงานของประเทศไทย ภายใต้กรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี ประกอบด้วย 2 กลุ่มคือ ภาคการใช้พลังงาน (Final Energy Consumption) และภาคการผลิตและส่งจ่ายพลังงาน (Primary Energy Supply)
ภาคการใช้พลังงานได้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ขนส่ง อาคารธุรกิจ และบ้านพักอาศัย ในกรณีที่สามารถดำเนินมาตรการอนุรักษ์พลังงานจนบรรบุเป้าหมายที่ตั้งไว้ตามแผนดังกล่าว คาดว่าผลประหยัดที่จะเกิดขึ้นในปี 2573 เท่ากับ 38,845 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ (Ktoe) โดยภาคอุตสาหกรรมจะสามารถลดการใช้พลังงานได้สูงสุด รองลงมาคือ ภาคขนส่ง ภาคอาคารธุรกิจขนาดเล็กและบ้านอยู่อาศัย สุดท้ายเป็นภาคอาคารธุรกิจขนาดใหญ่ สรุปภาพรวมสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ทั้งสิ้น 1.1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นภาคขนส่งสูงสุดร้อยละ 52.8 รองลงมาเป็นภาคอุตสาหกรรมร้อยละ 26.9 ภาคอาคารธุรกิจขนาดใหญ่ ร้อยละ 10.6 อาคารธุรกิจขนาดเล็กและบ้านอยู่อาศัย ร้อยละ 9.7
ภาคการผลิตพลังงาน ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าและโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งประเทศไทยได้เริ่มต้นพัฒนาก่อสร้างและใช้งานมานาน ระบบไฟฟ้าหลายๆ ส่วน ทั้งระบบผลิต ระบบส่ง และระบบจำหน่ายเริ่มเสื่อมสภาพจากการใช้งานอีกทั้งประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าของประเทศ การอนุรักษ์พลงงานในภาคการผลิตไฟฟ้าทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า และระบบสายส่งจึงมีความจำเป็นและได้ถูกบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการ เช่น Refurbishment และ Smart Grid
ในกรณีสามารถดำเนินการอนุรักษ์พลังงานภาคการผลิตและส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าจนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ตามแผนปฏิบัติการ คาดว่าผลประหยัดพลังงานที่จะเกิดขึ้นในปี 2573 เท่ากับ 852 Ktoe และสามารถหลีกเลี่ยงการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ อันเนื่องจากการประหยัดพลังงานได้เท่ากับ 3.23 ล้านตัน
นายทวารัฐ สูตะบุตร รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผย สยามธุรกิจ ว่า ตามแผนปฏิบัติการอนุรักษ์พลังงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายังอยู่ในทิศทางที่วางไว้ แต่ยังมีจุดอ่อนอยู่ที่การอนุรักษ์พลังงานภาคขนส่งที่น่าจะทำได้มากกว่านี้
และก้าวต่อไปกับการอนุรักษ์พลังงานในออนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของโลกในการลดมลภาวะอันเกิดจากการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตและการใช้พลังงานในอนาคต จึงได้เปลี่ยนมาเป็นการใช้ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของความเข้มของการใช้พลังงานจากพลังงานสุดท้าย (Final Energy) เป็นพลังงานขั้นต้น (Primary Energy) ผลปรากฏว่า เมื่อเทียบกับปี 2553 คาร์บอนได ออกไซด์ลดลง ร้อย 1.7% แต่ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ในปี 2548 ลดลงร้อยละ 6.25
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
EV–AI–IoT คืออนาคต: ไทยจัด THECA 2025 รั...
...
พาณิชย์ เตรียมลงพื้นที่ชลบุรีจัดสัมมนาให...
...
“พิชัย” เปิดงาน “Crafts Bangkok 2025” หน...
...
TFBO 2025 ปิดฉากสวย ยอดผู้เข้าชมทะลุหมื่...
...
บราโว บีเคเค-โซเชียลแบรนด์ จับมือ ม.เกริ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ