Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
"เชฟรอน-ปตท.สผ." ฝ่าด่านหิน จ้องสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21
"เชฟรอน-ปตท.สผ." ฝ่าด่านหิน จ้องสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21
วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556
Tweet
รร.แลนด์มาร์ค : "พงษ์ศักดิ์" ชี้จัดเก็บสัมปทานปิโตรเลียมสูงนักลงทุนเผ่นหนี ฟากเอกชนขานรับแหล่ง ก๊าซธรรมชาติในไทยหายาก ลงทุนสูง ถ้าเงื่อนไขลงทุนไม่เข้มข้นจะดึงดูดการลงทุน "เชฟรอน-ปตท.สผ." ประสานเสียงสนใจเข้าแข่งขันเปิดสัมปทานรอบที่ 21 คาดรายได้ปี 56 ทะลุ 2 แสนล้านบาท
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานเสวนาเรื่อง "ระบบสัมปทานปิโตรเลียม รัฐได้ประโยชน์อย่างไร" ซึ่งจัดโดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒว่า การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมในปัจจุบัน ส่งผลให้ประเทศไทยจะได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยทางตรงได้แก่ การลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ ลดการนำเข้าพลังงานได้ปีละกว่า 500,000 ล้านบาท ส่วนทางอ้อมสามารถช่วยสร้างงานให้กับประชาชนในประเทศ โดยเกิดการถ่ายองค์ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ไปจนถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ของประเทศในภาพรวม
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมสำรวจและปิโตรเลียมในประเทศเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เห็นได้จากการใช้พลังงานที่ใช้ในประเทศส่วนใหญ่ร้อยละ 81 มาจากปิโตรเลียม ส่วนใหญ่เป็นการใช้ก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า แต่เนื่องจากแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมีคุณสมบัติที่สูงเพียงพอ จะนำมาแยกเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตปิโตรเคมี รวมถึงยังส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เกิดการจ้างงาน และสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นในประเทศ ขณะเดียวกันก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยยังสามารถนำมาผลิตเป็นก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เพื่อใช้ในภาคครัวเรือน
ที่ผ่านมากรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้เร่งรัดการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ทั้งในและต่างประเทศมาโดยตลอด โดยพบว่าการสำรวจและพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในประเทศมากกว่า 60 แห่งตั้งแต่ปี 2529-2555 โดยมีการผลิตก๊าซธรรมชาติไปแล้วจำนวน 17.5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ผลิตก๊าซเหลว หรือที่เรียกว่า คอนเดตเสท 490 ล้านบาร์เรล และผลิตน้ำมันดิบ 672 ล้านบาร์เรล โดยปิโตรเลียมที่ผลิตขึ้นมานี้ได้ก่อเกิดประโยชน์ให้กับประเทศ ทั้งในด้านรายได้เข้ารัฐในรูปของค่าภาคหลวง ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ เป็นจำนวนเงินถึงกว่า 1.32 ล้านล้านบาท โดยปี 2555 สามารถจัดเก็บได้ประมาณ 160,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้ในการเปิดสัมปทานยังจะต้องเป็นรูปแบบการเปิดกว้างและควรให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีความเสี่ยงสูงและต้องใช้ เงินลงทุนที่สูง ซึ่งการดึงนักลงทุนต่างประเทศยังสร้างประโยชน์ในด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทยอีกด้วย ประกอบกับแหล่งก๊าซในอ่าวไทยมีปริมาณสำรองไม่มากและโครงสร้างทางธรณีวิทยาของแหล่งก๊าซในอ่าวไทยเป็นแหล่งเล็กทำให้ต้องลงทุนสูงในด้านเทคโนโลยีการผลิตปิโตรเลียม ดังนั้น เงื่อนไขการเปิดสัมปทานหรือการเรียกเก็บค่าภาคหลวงและผลประโยชน์ที่รัฐควรจะได้จะต้องมีความเหมาะสม หากเรียกเก็บสูงเกินไปจะส่งผลให้ไม่มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนเนื่องจากมีความเสี่ยงและไม่คุ้มค่า จึงไม่สามารถจัดเปรียบเทียบหรือมีการเรียกเก็บผลประโยชน์เข้าภาครัฐในอัตราที่สูง เมื่อเทียบกับประเทศที่มีปริมาณปิโตรเลียมจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น ประเทศโบลิเวีย และเวเนซูเอล่า ที่มีบางกลุ่มพยายามจะเปรียบเทียบการจัดเก็บผลประโยชน์ระหว่างไทยกับประเทศเหล่านี้
นายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันการจัดเก็บภาษีสัมปทานปิโตรเลียมของไทยอยู่ระดับกลางถือว่ามีความเหมาะสมแล้ว เพราะเก็บสูงกว่า สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และพม่า ที่บอกว่ามีความเหมาะสมเพราะว่าประเทศไทยเหลือแหล่งปิโตรเลียมที่มีขนาดเล็กต้องขุดเจาะจำนวนมาก ลงทุนสูง และมีความเสี่ยงต่อการไม่พบปิโตรเลียมสูงด้วย คาดว่าปี 2556 จะรายได้จากการจัดเก็บภาษีสัมปทานประมาณ 2 แสนล้านบาท
นายอัษฎากร ลิ้มปิติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัทปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวในหัวข้อ "สัมปทานปิโตรเลียม รัฐบาลกำไร หรือขาดทุน" ว่า ปัจจุบัน ปตท.สผ.ได้ดำเนินขุดเจาะปิโตรเลียมทั่วโลกจำนวน 45 โครงการจาก 12 ประเทศ โดยในไทยมีสัมปทานที่ดำเนินการอยู่ 61 สัมปทาน 76 แปลงสำรวจ นอกจากนี้ ได้เข้าไปสำรวจเพื่อขุดเจาะที่พม่า 12 บล็อก รวมถึงเข้าไปประมูลเพิ่มที่เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา ออสเตรเลีย แอฟริกาเหนือ โมซัมบิก และอีกหลายๆ แหล่งทั่วโลก
สำหรับการขุดเจาะปิโตรเลียมในไทยทาง ปตท.สผ.ยังให้ความสนใจ แต่การลงทุนค่อนข้างสูง และผลตอบแทนน้อยเมื่อเทียบกันระหว่างแหล่งบงกชกับแหล่งยาดานา ประเทศพม่า ซึ่งในอนาคตถ้าแหล่งผลิตปิโตรเลียมมีผลผลิตน้อย ต้นทุนสูงก็จะลดการดึงดูดความสนใจการลงทุน โดยเฉพาะผลตอบแทน 8% แต่มีต้นทุน 10% ในระยะ 10 ปี ก็จะไม่เอื้อต่อการลงทุนอย่างยั่งยืน
"บริษัทสนใจเข้ายื่นขอสัมปทาน เนื่องจากแหล่งสัมปทานรอบที่ 21 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีศักยภาพที่จะพบก๊าซธรรมชาติ แม้ว่าจะเป็นแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใหญ่มาก ทำให้มีการลงทุนค่อนข้างสูงหากรัฐมีการเรียกเก็บค่าภาคหลวงและผลตอบแทนที่ไม่สูงมากนักหรือเหมือนเดิมก็น่าจะดึงดูดนักลงทุน"
นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการ บริษัท เชฟรอน ประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด กล่าวในงานเดียวกันว่า เชฟฯรอนใช้เวลาขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ 11 ปีถึงเจอแหล่งเอราวัณ ขณะนี้มีการผลิตปิโตรเลียมทั้งหมด 13 แปลง ซึ่งการผลิตตลอดระยะเวลา 21 ปีที่ผ่านมาต้องสำรวจก๊าซฯ เพิ่ม 300-400 หลุมต่อปี เพื่อรักษาระดับการผลิตเนื่องจากแต่ละหลุมก๊าซหมดเร็วมาก อีกทั้งยังต้องใช้เงินลงทุนสูง ทำให้ภาคเอกชนมีความเสี่ยงต่อการลงทุน และแรงงาน
ปัจจุบันระบบจัดเก็บรายได้ตามกฎหมายปิโตรเลียมของไทยถือว่ามีความเหมาะสมแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับทางธรณีวิทยาที่ขุดเจาะพบก๊าซธรรมชาติปริมาณน้อยมาก และเมื่อรัฐบาลเปิดสัมปทานใหม่รอบที่ 21 ถ้าเงื่อนไขไม่เข้มข้นเท่าไทยแลนด์ 3 น่าจะมีเอกชนสนใจเข้าไปลงทุน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเชฟรอนฯ ได้มีการวิจัยธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร โดยผลวิจัยพบว่า ปี 2555 ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีมูลค่า 40% เมื่อเทียบจากรายได้ของการท่องเที่ยว หรือมีมูลค่า 25% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมรถยนต์ หรือมีมูลค่า 2.5% เมื่อเทียบสัดส่วนจากจีดีพี โดยสามารถจ้างแรงงานได้ถึง 1.6 แสนคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
EV–AI–IoT คืออนาคต: ไทยจัด THECA 2025 รั...
...
พาณิชย์ เตรียมลงพื้นที่ชลบุรีจัดสัมมนาให...
...
“พิชัย” เปิดงาน “Crafts Bangkok 2025” หน...
...
TFBO 2025 ปิดฉากสวย ยอดผู้เข้าชมทะลุหมื่...
...
บราโว บีเคเค-โซเชียลแบรนด์ จับมือ ม.เกริ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ