Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
เปิดวิสัยทัศน์ "พงษ์ดิษฐ" นำ RATCH รับมือไฟฟ้าแพง
เปิดวิสัยทัศน์ "พงษ์ดิษฐ" นำ RATCH รับมือไฟฟ้าแพง
วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556
Tweet
บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ "พงษ์ดิษฐ" เปิดวิสัยทัศน์นั่งบิ๊กเก้าอี้ "ราชบุรีโฮลดิ้ง" วางกลยุทธ์ผลิตไฟฟ้าทะลุ 1.2 หมื่นเมกะวัตต์ในปี 2559 พร้อมขยายลงทุนพลังงานในต่างแดน ทั้งอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น พม่า และออสเตรเลีย
นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยถึงกลยุทธ์องค์กรภายหลังเข้ารับตำแหน่งใหม่ว่า ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 6,300 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมายเดิมในปี 2559 จะต้องมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 7,900 เมกะวัตต์ แต่ได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ โดยตั้งเป้าในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 12,000 เมกะวัตต์ ซึ่งประมาณปลายเดือนกันยายน 2556 นี้ คณะกรรมการบริหารจะประชุมเพื่อปรับกลยุทธ์ดังกล่าว โดยเพิ่มกำลังการผลิตจากโครงการในต่างประเทศ 50% และในประเทศอีก 50% แบ่งเป็น โครงการทั้งที่มีการร่วมทุน การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุน โครงการใหม่ด้วย
"เมื่อปี 2543 บริษัทเริ่มต้นดำเนินกิจการโรงไฟฟ้ามีการผลิตเริ่มต้นเพียง 1,900 เมกะวัตต์ ตอนนี้มีกำลังการผลิต 5,312 เมกะวัตต์ ถ้ารวมกับที่กำลังก่อสร้างอยู่อีกประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ ก็จะเพิ่มเป็นประมาณ 6,300 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นมาประมาณ 3 เท่า ส่วนสินทรัพย์ช่วงเดียวกันได้เพิ่มขึ้นจากประมาณ 36,947 ล้านบาท เป็น 95,674 ล้านบาท ในปี 2556 ซึ่งเท่ากับโตถึง 3 เท่าเช่นกัน ซึ่งเป็น การเติบโตตามปกติ แต่นักลงทุนต้องการเห็นการเติบโตแบบ ก้าวกระโดด และผมก็มองว่าเป็นเรื่องท้าทายจึงต้องกำหนดทิศทางกลยุทธ์ใหม่"
นายพงษ์ดิษฐ กล่าวว่า บริษัทได้กำหนดแผนการลงทุน ในต่างประเทศโดยเลือกที่ประเทศเป้าหมายหลักไม่ให้กระจัดกระจาย เพื่อเน้นให้เกิดความชำนาญในแต่ละประเทศ ซึ่งการลงทุนของบริษัทจะเน้นประเทศเพื่อนบ้านเป็นอันดับแรก เพราะสามารถผลิตไฟฟ้าจำหน่ายกลับมาไทย สร้างความมั่นคงทางระบบไฟฟ้าและช่วยรักษาระดับค่าไฟไม่ให้สูงเกินไป
"ปัจจุบันค่าไฟฟ้าในไทยอยู่ประมาณ 3.50 บาทต่อหน่วย และมีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าในอีก 7-8 ปีข้างหน้า เนื่องจากบริษัทที่ชนะการประมูลโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ หรือไอพีพี ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ประมาณ 5,000 เมกะวัตต์ ได้เสนอราคาขายไฟฟ้าไว้ที่ 4.23 บาทต่อหน่วย"
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายจะเข้าไปลงทุนธุรกิจพลังงานในพม่าให้สำเร็จ เพราะเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐ โดยโครงการที่สนใจเข้าไปร่วมลงทุน ได้แก่ โรงไฟฟ้าทวาย 4,000 เมกะวัตต์ โครงการเขื่อนสาละวินตอนบนกำลังการผลิต 7,000 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายลงทุนในอินโดนีเซีย ซึ่งมีแหล่งเชื้อเพลิงถ่านหินที่สามารถใช้ผลิตไฟฟ้าได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาเตรียมพร้อมการลงทุน ส่วนการลงทุนน่าจะเป็นการร่วมกับพันธมิตร โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการหารือกับนายชนินทร์ ว่องกุศลกิจ ของบริษัทบ้านปู ซึ่งเป็นพันธมิตรกับบริษัทในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าหงสาสปป.ลาว และมีฐานการลงทุนที่อินโดนีเซีย เกี่ยวกับแผนความร่วมมือกันพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อินโดนีเซีย ส่วนที่ญี่ปุ่นก็ได้เตรียมแผนขยายธุรกิจเข้าซื้อกิจการและพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่รัฐบาลให้การอุดหนุนระยะที่ 2 ทำให้ค่าไฟฟ้าค่อนข้างสูงประมาณ 30 กว่าบาทต่อหน่วย คาดว่าจะเข้าไปลงทุนในโครงการขนาด 200-300 เมกะวัตต์
ปัจจุบันบริษัทจัดโครงสร้างธุรกิจออกเป็น 2 สายธุรกิจ คือธุรกิจผลิตไฟฟ้า ประกอบด้วยโครงการที่ใช้เชื้อเพลิงหลัก และโครงการพลังงานทดแทน ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับกิจการไฟฟ้า ซึ่งได้ขยายเป้าหมายไปยังธุรกิจระบบส่ง การฝึกอบรมด้านการเดินเครื่องและบำรุงรักษา นอกเหนือจากธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงรักษา เหมืองถ่านหิน และซ่อมอุปกรณ์กังหันก๊าซ
สำหรับรายได้ของบริษัทมาจากฐานธุรกิจ 3 แห่ง คือ ประเทศไทย สปป.ลาว และออสเตรเลีย ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในทั้งสามประเทศ โดยบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาความเหมาะสมโครงการในสปป. ลาว 3 โครงการ ขณะที่ออสเตรเลียมี 3 โครงการที่อยู่ในขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้าง สำหรับประเทศไทยบริษัทได้ให้น้ำหนักการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทน และการร่วมทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการไฟฟ้า
"การผนึกกำลังร่วมกับบริษัทในกลุ่ม กฟผ. การผสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเดิม และแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพด้านการแข่งขันและการลงทุนของบริษัทในต่างประเทศให้มีมากขึ้น ขณะเดียวกันยังต้องมีการบริหารทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างรายได้อย่างคุ้มค่า ด้วยแนวทางดังกล่าวจะช่วยขับเคลื่อนบริษัท ให้เติบโตได้อย่างมั่นคง สร้างผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างเต็มศักยภาพ และรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตไฟฟ้าได้อย่างยั่งยืน"
ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังผลิตที่เดินเครื่องแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนารวมทั้งสิ้น 6,302.52 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังผลิตในประเทศไทย 4,586.5 เมกะวัตต์ สปป.ลาว 1,206.5 เมกะวัตต์ และออสเตรเลีย 509.52 เมกะวัตต์ สำหรับโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนมีจำนวน 7 โครงการ ประกอบด้วย โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม 2 แห่งในออสเตรเลีย กำลังผลิตรวม 420 เมกะวัตต์ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในออสเตรเลีย กำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในประเทศอื่นในเอเชีย 3 แห่ง กำลังผลิตรวม 45 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ จะต้องแสวงหากำลังการผลิตขนาดใหญ่อีกประมาณ 1,000 เมกะวัตต์จากโครงการในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 7,800 เมกะวัตต์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
EV–AI–IoT คืออนาคต: ไทยจัด THECA 2025 รั...
...
พาณิชย์ เตรียมลงพื้นที่ชลบุรีจัดสัมมนาให...
...
“พิชัย” เปิดงาน “Crafts Bangkok 2025” หน...
...
TFBO 2025 ปิดฉากสวย ยอดผู้เข้าชมทะลุหมื่...
...
บราโว บีเคเค-โซเชียลแบรนด์ จับมือ ม.เกริ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ