Toggle navigation
วันพุธ ที่ 25 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ศูนย์วิจัยฯฟันธง "ปรับแอลพีจี" ไม่กระทบคนจน-เงินเฟ้อ
ศูนย์วิจัยฯฟันธง "ปรับแอลพีจี" ไม่กระทบคนจน-เงินเฟ้อ
วันเสาร์ที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2556
Tweet
รายงานพิเศษ
กรณีกลุ่มเครือข่ายคัดค้านการขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน ได้ตั้งโต๊ะให้ประชาชนร่วมลงชื่อให้ได้ 50,000 รายชื่อ เพื่อยื่นตรวจสอบและถอดถอนนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และผู้บริหารกระทรวงพลังงาน โดยข้อเรียกร้องของทางกลุ่มดังกล่าวคือ ขอให้วุฒิสภา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และหน่วยงานที่มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบและถอดถอน นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน, นายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ, นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน และนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
โดยทางเครือข่ายฯ ได้นัดชุมนุมใหญ่ หน้าสำนักงานใหญ่ ปตท.ในวันที่ 9 กันยายน 2556 เพื่อคัดค้านและให้ยุติการขึ้นราคาแก๊ส แอลพีจีภาคครัวเรือน ที่เริ่มปรับขึ้นราคาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา กิโลกรัมละ 0.50 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 18.13 บาท เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 18.63 บาท
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัว-เรือนจากปัจจุบันที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม อีก 0.50 บาทต่อกิโลกรัมไม่มีผลกระทบต่อ ค่าครองชีพประชาชนแต่อย่างใด เพราะรัฐบาลมีมาตรการให้กลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยและร้านค้าหาบเร่แผงลอยอาหารรวมกันกว่า 7.6 ล้านรายได้สิทธิ์ซื้อในราคา เดิม ประกอบกับการปรับราคาดังกล่าวมีผลต่อต้นทุนอาหารเพียงจานละ 2 สตางค์เท่านั้น หากร้านค้าใดปรับราคาอาหารโดยการอ้างการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มขอให้ประชาชน แจ้งกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อดำเนินการจับกุมได้ทันที
"ขอให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิกลับไปดูบิลค่าไฟฟ้า โดยในบิลดังกล่าวจะแจ้งสิทธิ และให้รหัสมาด้วย นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ให้มีการระบุสิทธิและแจ้งรหัสซ้ำเพื่อให้ผู้ได้รับสิทธิสามารถนำไปใช้ได้ ส่วนร้านค้าจำหน่ายแอลพีจีที่เข้าร่วมโครงการจะมีประมาณ 3 หมื่นร้านค้าทั่วประเทศ จากทั้งหมด 3.8 หมื่นร้าน อาจจะมีปัญหาขลุกขลักบ้างในช่วงแรกในการให้บริการกับผู้มาขอใช้สิทธิ แต่เชื่อว่าภายใน 2-3 สัปดาห์ร้านค้าจะมีความ คุ้นเคยมากขึ้น"
ขณะที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี) รายงานว่า การปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือให้ซื้อแอลพีจีราคาเดิมอยู่แล้ว โดยครัวเรือนทั่วไป ภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นถือเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ย ภาคครัวเรือน ส่วนใหญ่จะใช้ก๊าซหุงต้มแบบถังขนาด 15 กิโลกรัม เฉลี่ยเดือนละ 1 ถัง ดังนั้น การทยอยปรับขึ้นราคากิโลกรัมละ 0.50 บาทต่อเดือน ทำให้ครัวเรือนมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม ขึ้นแต่ละเดือน 7.50 บาท ซึ่งประชาชนทั่วไป น่าจะสามารถปรับตัวกับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ และเมื่อราคาแอลพีจีปรับขึ้นไปจนสะท้อนต้นทุนปี 2557 ภาระค่าใช้จ่าย ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 90 บาทต่อเดือน คิดเป็นเพียง 0.4% ของรายได้เฉลี่ย ครัวเรือนต่อเดือนในประเทศ
ขณะที่ราคาแอลพีจีที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนอาหารสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยและไม่ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญ การ ปรับราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน ทำให้ต้นทุน เพิ่มขึ้นไม่เกิน 35 สตางค์ต่อจาน ถือว่าน้อย มาก แม้ผู้ประกอบการมีแนวโน้มฉวยโอกาส ปรับขึ้นราคาอาหาร แต่จะไม่มีนัยสำคัญต่อ เงินเฟ้อ โดยประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อไตรมาส 4 หลังจากปรับขึ้นราคาแอลพีจีจะอยู่ที่ 2.4%
นอกจากนี้ ยังช่วยลดภาระการจ่ายเงินอุดหนุนของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยกองทุนต้องมีภาระเป็นเงินจำนวน 3,000-4,000 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อนำไปอุดหนุนให้ผู้ใช้แอลพีจีก๊าซ ให้ซื้อได้ในราคา ที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคา แอลพีจีจะมีส่วนช่วยให้เกิดการบริโภคอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการนำเข้าแอลพีจี และภาระกองทุนน้ำมันฯ ได้มาก
การปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน จะช่วยลดปัญหาการลักลอบส่งออกแอลพีจี ไปขายในต่างประเทศ และการนำไปใช้ผิดประเภท เพราะที่ผ่านมาราคาขายปลีกแอลพีจีภาคครัวเรือนในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) สูงกว่าไทยถึง 100-200% เปิดโอกาสให้มีการลักลอบส่งออกก๊าซหุงต้มตามแนวชายแดนเป็นจำนวนมาก สร้างความไม่เป็นธรรม เนื่องจากรัฐนำเงินกองทุนน้ำมันฯ ที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันคนไทยไปชดเชยให้ประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ ยังมีการลักลอบถ่ายเทนำไปใช้ในภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีราคา 21.38 และ 30.13 บาทตามลำดับ มีส่วนต่างสูงกว่าแอลพีจีภาคครัวเรือนค่อนข้างมาก
ที่สำคัญแอลพีจีที่เป็นไปตามกลไกตลาดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานระยะยาว ราคาแอลพีจีที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีการใช้พลังงานอย่างประหยัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
EV–AI–IoT คืออนาคต: ไทยจัด THECA 2025 รั...
...
พาณิชย์ เตรียมลงพื้นที่ชลบุรีจัดสัมมนาให...
...
“พิชัย” เปิดงาน “Crafts Bangkok 2025” หน...
...
TFBO 2025 ปิดฉากสวย ยอดผู้เข้าชมทะลุหมื่...
...
บราโว บีเคเค-โซเชียลแบรนด์ จับมือ ม.เกริ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ