สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน จับมือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาระบบผลิตแก๊สเชื้อเพลิงจากชีวมวล เพื่อใช้กับเตาเผาเซรามิก แบบ เผาเป็นครั้ง (เตาซัตเติ้ล) คาดใช้ทดแทน LPG ได้ปีละ 36 ตัน/เตาเผา คิดเป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาทต่อปี
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิด เผยว่าอุตสาหกรรมเซรามิก อุตสาหกรรมแก้วและกระจกเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศได้ถึงปีละกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งอุตสาหกรรม กลุ่มนี้ต้องใช้แก๊สหุงต้ม (LPG) และแก๊สธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิง โดย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15-40% ของต้นทุนการผลิต และจากนโยบายของภาครัฐที่ลดการชดเชยเชื้อเพลิงแก๊สหุง ต้มภาคอุตสาหกรรม ทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นประมาณ 60% จากต้นทุนเดิม ทำให้ส่งผลกระทบ ต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ
ดังนั้น กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน จึงได้สนับสนุนงบประมาณให้กับมหาวิทยาลัยเชียง-ใหม่ ดำเนินโครงการพัฒนาเชื้อเพลิงแก๊สจากชีวมวลสำหรับอุตสาหกรรมเผาอุณหภูมิสูง (เซรามิก) เพื่อศึกษาและพัฒนาระบบผลิตเชื้อเพลิงจากชีวมวลในระดับชุมชนมาใช้เป็นเชื้อเพลิงทด-แทนก๊าซ LPG ที่ใช้ในอุตสาหกรรม เซรามิกและอุตสาหกรรมแก้วและกระจก ด้วยการใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น โดยการทดสอบในเตาเผาเซรามิก แบบเป็นครั้ง (เตาซัตเติ้ล) ซึ่งจะดำเนินโครงการ นำร่องในจังหวัดลำปางเป็นแห่งแรก
"แก๊สชีวมวลที่สามารถนำมาทด แทน แก๊ส LPG และแก๊ส NGV ในอุตสาหกรรมเซรามิกนั้น ต้องเป็นแก๊สที่มีคุณสมบัติของค่าความร้อนของการเผา ไหม้ที่ให้อุณหภูมิสูงถึง 1,200 องศาเซล เซียส ดังนั้น การศึกษาวิจัยเชื้อเพลิง แก๊สจากชีวมวล เพื่อนำไปใช้กับอุตสาหกรรมเซรามิกในครั้งนี้ จึงเป็นการพัฒนาเชื้อเพลิงอื่นๆ ขึ้นมาทดแทนแก๊ส LPG ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะนอก จากจะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีให้กับชุมชนแล้วยังมีส่วนช่วยในการลดต้น ทุนการผลิตของผู้ประกอบการเซรามิก ลงได้อีกด้วย สำหรับผลการศึกษาครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถใช้เชื้อเพลิงแก๊สจากชีวมวลทดแทนแก๊สหุงต้ม (LPG) ได้ 100% ซึ่งจะช่วยลดการใช้ LPG ได้ ปีละ 36 ตัน/เตาเผา คิดเป็นเงินประมาณ 1 ล้านบาทต่อปี" ผอ.สนพ.กล่าว
ด้าน ผศ.ดร.อนุชา พรมวังขวา ผู้จัดการโครงการพัฒนาเชื้อเพลิงแก๊สจากชีวมวลสำหรับอุตสาหกรรมเผาอุณหภูมิสูง (เซรามิก) กล่าวว่า เชื้อเพลิง ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงที่ได้จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีความชื้นสูง ค่าความร้อนต่ำ และมีความ หนาแน่นไม่สม่ำเสมอ การออกแบบระบบแก๊สซิไฟเออร์สำหรับเชื้อเพลิงชีวมวล และการเลือกขนาดที่เหมาะสม จึงมีความสำคัญยิ่งและเป็นความท้าทาย มาก เนื่องจากเป็นการพัฒนาระบบให้สามารถใช้กับอุตสาหกรรมการเผาในอุณหภูมิที่สูงถึง 1,200 องศาเซลเซียส สิ่งสำคัญในการศึกษาและพัฒนาเชื้อเพลิงแก๊สจากชีวมวลครั้งนี้คือการพัฒนาเตาเผาจากเดิมที่ใช้แก๊ส LPG ปรับเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงแก๊สชีวมวลที่ผลิตและหาวัสดุได้ในชุมชน ซึ่งเป็น การส่งเสริมการผลิตพลังงานทดแทนใช้ ในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กได้อย่างครบวงจร
"การเผาเซรามิกในเตาแบบซัลเติ้ล แต่ละครั้งจะใช้แก๊ส LPG ประมาณ 240 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน 7,200 บาท (แก๊ส LPG ราคา 30 บาท/กิโลกรัม) ดังนั้นหากเปลี่ยนมาใช้แก๊สชีวมวล จะใช้เชื้อเพลิงประมาณ 1,120 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน 3,360 บาท (แก๊สชีวมวล 3 บาท/กิโลกรัม) จะเห็นได้ว่าการพัฒนาจากระบบเดิมที่ใช้แก๊ส LPG เปลี่ยนมาใช้แก๊สชีวมวลจะช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิง ได้ 20-60%" ผศ.ดร.อนุชา กล่าว