ผวาสงคราม "ซีเรีย" สั่งสำรองน้ำมันกู้ 3 หมื่นล้านตรึงราคา

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556

ผวาสงคราม


หลังจากคณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศของสภาสหรัฐฯ มีมติผ่านให้ใช้กำลังทางทหารกับซีเรียได้ เปิดทางให้ไปมีการพิจารณาออกเสียงในสภา Congress ต่อ ทั้งนี้ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมายืนยันว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้การใช้อาวุธเคมีของซีเรียอย่างมีขอบเขต โดยจะไม่ส่งทหารภาคพื้นดินและจะมีระยะเวลาปฏิบัติการทางการทหาร จะอยู่ในกรอบ 60 วัน ซึ่งยากที่จะหนีพ้นจากผลกระทบราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น...
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าล่าสุดรัฐมนตรี กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ นาย John Kerry กล่าวว่า สหรัฐฯ ให้ทางเลือก กับรัฐบาลซีเรียในการส่งมอบอาวุธเคมีให้ องค์กรนานาชาติเข้ามาดูแล เพื่อเป็นการ หลีกเลี่ยงสงครามหากไม่ต้องการให้สหรัฐฯ ใช้กำลังทางการทหารเข้าโจมตีตามข้อเสนอของรัสเซีย ซึ่งประธานาธิบดีโอบามา กล่าวถึงข้อเสนอดังกล่าวว่า "เป็นการผ่าทางตันที่มีนัยสำคัญ" ขณะที่ฝ่ายของประธานาธิบดี Bashar al-Assad ของซีเรียรู้สึกพอใจกับข้อเสนอดังกล่าว แต่หลายฝ่ายก็ยังคลายกังวลต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่จะปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ จะเห็นว่าช่วงต้นเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปิดระดับสูงสุดในรอบ 28 เดือน ท่ามกลางความตึงเครียดวิกฤติซีเรีย สัญญาล่วงหน้า น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม 2556 เพิ่มขึ้น 2.16 เหรียญสหรัฐ ปิด 110.53 เหรียญ สหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2011 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ ปิด 116.12 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า ถ้าหากสหรัฐฯ โจมตี ซีเรียเชื่อว่าจะมีผลให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นช่วงระยะสั้นระหว่าง 5-10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยเบรนท์เฉลี่ยจะอยู่ที่ 120-125 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ดังนั้น จาก ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นจะส่งผลต่อราคาขายปลีกในประเทศไทยปรับขึ้นเฉลี่ยอย่างต่ำ 2 บาทต่อลิตร กรณีไม่รวมผลกระทบค่าเงินบาทที่หากอ่อนค่าอีก
"ผมไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะตรึงราคา กลุ่มเบนซินและ แก๊สโซฮอล์ แต่ควรปล่อย ให้เป็นไปตามกลไกตลาดจะเหมาะสมกว่า เพราะว่าน้ำมันในกลุ่มนี้ไม่ได้มีผลต่อค่าครองชีพของประชาชน ประกอบกับรัฐบาล ได้เลือกตรึงดีเซลที่เป็นน้ำมันเศรษฐกิจและมีผลต่อค่าครองชีพอย่างแท้จริงแล้วในระดับราคา 30 บาทต่อลิตร ก็ถือว่าต่ำ กว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำไป ดังนั้น การที่รัฐบาลเข้ามาดูแลกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ก็เข้าใจว่าเป็นเหตุผลทางการเมือง เพราะว่ามีการโจมตีเรื่องค่าครองชีพที่มีการปรับสูงขึ้น"
ขณะหลายฝ่ายได้เตรียมพร้อมกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นหากสหรัฐฯ โจมตี ซีเรียหลากหลายมิติ โดย ปตท. "นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านนโยบายและเศรษฐกิจพลังงานมองว่า ความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในภูมิภาคเอเชีย ทั้งจีนและอินเดีย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกดราคาน้ำมันไม่ให้สูงขึ้นจากปัจจุบัน หาก เกิดสงคราม ราคาน้ำมันน่าจะปรับขึ้น อีก 10 เหรียญสหรัฐ โดยอยู่ในระดับ 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งไทยเคย เผชิญราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 145 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลมาแล้ว จึงมั่นใจว่าจะรับกับวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันครั้งนี้ได้
"เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ยังคงเปราะบาง ขณะที่เศรษฐกิจจีนและอินเดียชะลอตัว จึง ไม่มีปัจจัยพื้นฐานด้านดีมานด์ที่จะกดดันให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น เพราะความต้อง การใช้จะลดลงมากขึ้น หากราคาเพิ่มขึ้นอีก 10 เหรียญสหัฐ ซึ่งทางกระทรวงพลัง งาน ได้เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ สะสมไว้บางส่วน น่าจะรับมือได้"
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น 1 เหรียญ สหรัฐต่อบาร์เรลจะส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมัน 50 สตางค์ต่อลิตร ถ้าขึ้น 10 เหรียญสหรัฐจะส่งผลกระทบกับราคาขายปลีก 5 บาทต่อลิตร ซึ่งในส่วนของดีเซลนั้น รัฐบาลคงใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯ ช่วยรักษาระดับราคาไว้ไม่ให้มีการปรับขึ้น
ด้านบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย โดย "อัษฎา หะรินสุต" ประธานกรรมการ ได้แสดงความคิดเห็นว่า สถานการณ์ราคา น้ำมันในตลาดโลกจะยังผันผวนต่อไปในระยะยาวจากปัจจัยความไม่สงบทางการเมืองในต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของ ประชาชนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีการเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองมากขึ้น รัฐบาลของแต่ละประเทศจึงต้องเผชิญปัญหาการเมืองภายในประเทศ หากเป็นประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและส่งออกน้ำมัน ทั่วโลกจะให้ความสำคัญและมีความกังวล ต่อสถานการณ์ ราคาน้ำมันจึงปรับตัวสูงขึ้น
ส่วน "นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ" ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ว่าที่ปลัดกระทรวงพลัง งาน กล่าวว่า ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 1 กันยายน 2556 มีเงินอยู่ประมาณ 7,011 ล้านบาท ซึ่งมติครม.ที่ให้กรอบการกู้เงินให้แก่กองทุนฯ อีก 30,000 ล้านบาท รวมเป็น 37,000 ล้านบาท น่า จะเพียงพอรับมือกับสถานการณ์น้ำมันที่อาจผันผวน หากเกิดสงคราม
และเพื่อความไม่ประมาทกระทรวงพลังงาน ได้เตรียมมาตรการป้องกันการขาดแคลนน้ำมันด้วยการเพิ่มสำรองน้ำมันจาก 5% เป็น 6% เป็น ที่เรียบร้อยแล้ว


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ