Toggle navigation
วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
"บางจาก-ห้างยักษ์ฯ-ไอพีพี"จอง "โซลาร์ รูฟท็อป" ทะลัก! คิวต่อไป "หมู่บ้าน" 800 เมกะวัตต์
"บางจาก-ห้างยักษ์ฯ-ไอพีพี"จอง "โซลาร์ รูฟท็อป" ทะลัก! คิวต่อไป "หมู่บ้าน" 800 เมกะวัตต์
วันเสาร์ที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2556
Tweet
หลังจากวันแรกที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจติดตั้งโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) ทั้งอาคารบ้านเรือนและอาคารโรงงาน ยื่นเสนอขายไฟ 200 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นภาคธุรกิจ 100 เมกะวัตต์ บ้านที่อยู่อาศัยขนาดกำลังผลิตติดตั้งไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ อีก 100 เมกะวัตต์ โดยแยกยื่นต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 120 เมกะวัตต์ และการไฟฟ้าส่วนนครหลวง (กฟน.) 80 เมกะวัตต์ ถึงวันที่ 11 ตุลาคม 2556 ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการมาเข้าคิว เป็นจำนวนมาก
สำหรับวันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา ที่ กฟน. มีผู้ประกอบการยื่นเรื่องขอติดตั้ง โซลาร์ รูฟท็อป รวม 423 ราย แบ่งเป็นผู้ประกอบการ 312 ราย และบ้านที่อยู่อาศัย 111 ราย ขณะที่ กฟภ.มีผู้ประกอบการยื่น 1,661 ราย แบ่งเป็นภาคกลาง 502 ราย ภาคใต้ 99 ราย ภาคเหนือ 830 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 230 ราย แต่ในส่วนบ้านที่อยู่อาศัยไม่มีตัวเลขชัดเจน เพราะกระจายไปทั่วตามเขตที่รับยื่นข้อเสนอ โดย กฟน.จะใช้วิธีสุ่มเลือกผ่านคอมพิวเตอร์เรียงลำดับ ใครได้ลำดับก่อน จะได้ยื่นก่อน เพราะระบบกำหนดไว้ใครยื่นก่อนและมีคุณสมบัติครบจะขายไฟฟ้าได้ก่อน ทางด้าน กฟภ.ใช้วิธีการจับสลาก
ทั้งนี้ ผู้ที่เสนอจำนวนรายมากที่สุด ได้แก่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เสนอติดตั้งบนหลังคาทั่วประเทศ ประมาณ 100 แห่ง เป็นการติดตั้งในสถานี บริการน้ำมัน เฉลี่ยกำลังผลิตแห่งละ 11-15 กิโลวัตต์ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการคลังสินค้ายื่นเสนอ ติดตั้งเป็นจำนวนเมกะวัตต์มากที่สุด โดยร่วมทุนกับ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) รวมถึงห้างสรรพสินค้า ได้แก่ เซ็นทรัล, เดอะมอลล์, บิ๊กซี, กลุ่มสยามกลการ และบริษัทไอพีพี อย่างบริษัท กัลฟ์ เจพีก็เข้ามายื่นคำขอเสนอขายไฟฟ้าพลังงาน แสงอาทิตย์บนหลังคาด้วย
จากการที่ภาคเอกชนให้ความสนใจอย่างล้นหลามทางกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) นายอำนวย ทองสถิตย์ เปิดเผยว่า ช่วงปลายปีนี้จะเปิดให้มีการรับซื้อไฟฟ้าจาก "โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน" ตามเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้ง รวม 800 เมกะวัตต์ มีกำหนดวันจ่ายไฟฟ้า เชิงพาณิชย์ (COD) ช่วงต้นปี 2557
"ชุมชนที่จะเข้าร่วมโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชนจะใช้เงินกองทุนหมู่บ้านที่มีอยู่แล้วรวมๆ กัน แต่ถ้าเงินไม่พอก็สามารถกู้ได้จากธนาคารออมสิน"
นอกจากนี้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) และการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค (PEA) ได้เปิดตัวโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคานำร่องในอาคารของรัฐในภูมิภาคแล้ว ซึ่งเบื้องต้นจะดำเนินการติดตั้งหลังคาศาลากลางจังหวัดในเขตรับผิดชอบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 74 จังหวัด และในหลังคาอาคารของรัฐ เช่น อบต. นำร่อง 2,000 แห่ง ก่อนจาก 7,000 แห่ง รวมถึงเทศบาลทั้ง 74 จังหวัด และได้ตั้งเป้าหมายให้เกิดระบบผลิตไฟฟ้าจาก พลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาดังกล่าวให้ได้ประมาณ 25 เมกะวัตต์ ซึ่งมีวงเงินลงทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 1,847 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ นั้นจะสามารถประหยัดพลังงานได้ 36.5 ล้านกิโลวัตต์ต่อปี หรือคิดเป็นเงินที่ประหยัด ได้ประมาณ 146 ล้านบาทต่อปี (คำนวณจากค่าไฟฟ้า 4 บาทต่อหน่วย) เกิดการลดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าประมาณ 11 ล้านลิตรต่อปี หรือประมาณ 330 ล้านบาทต่อปี รวมไปถึงสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การที่ผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ดังกล่าวจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อนได้สูงถึง 18,980 ตันต่อปี
"กระทรวงพลังงานมีความตั้งใจที่ จะสนับสนุนให้เกิดการผลิตไฟฟ้าจาก Solar Roof ให้ประสบความสำเร็จและนอกจากโครงการนำร่องที่จะติดตั้งในอาคาร ภาครัฐในส่วนภูมิภาคที่ได้เกิดบันทึกข้อตกลงร่วมมือในวันนี้กระทรวงพลังงานยังมีมาตรการส่งเสริมในแพ็กเกจต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดความสนใจในการลงทุนทั้งจากภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการ เช่น การสนับสนุนอัตราการขายไฟฟ้าจากการ ผลิตด้วยเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคา (Feed-in Tariff) นโยยายการส่งเสริมด้าน ภาษี รวมไปถึงการเร่งดำเนินการประเด็น การขอในอนุญาตประกอบการ หรือ รง.4 ที่กระทรวงพลังงานพร้อมจะเร่งแก้ไขให้ได้โดยเร็ว"
ด้าน อธิบดี พพ. กล่าวว่า เบื้องต้น ในการดำเนินโครงการเพื่อติดตั้งระบบผลิต ไฟฟ้าแสงอาทิตย์บนหลังคาในกลุ่มอาคาร ของรัฐในภูมิภาค ซึ่งมีการลงนามบันทึก ข้อตกลงกัน พพ.ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจำนวน 1,847 ล้านบาท โดยการ ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้โครงการฯสามารถสัมฤทธิผลได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
"กระทรวงพลังงานตั้งเป้าหมายพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงาน ทางเลือก 25% ในช่วง 10 ปี จำนวน 14,000 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพลังงานแสงอาทิตย์รวม 3,000 เมกะวัตต์ ตอนนี้ประเทศไทยเป็นที่หนึ่งในอาเซียนไปแล้วสำหรับการส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์" นายอำนวย กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
EV–AI–IoT คืออนาคต: ไทยจัด THECA 2025 รั...
...
พาณิชย์ เตรียมลงพื้นที่ชลบุรีจัดสัมมนาให...
...
“พิชัย” เปิดงาน “Crafts Bangkok 2025” หน...
...
TFBO 2025 ปิดฉากสวย ยอดผู้เข้าชมทะลุหมื่...
...
บราโว บีเคเค-โซเชียลแบรนด์ จับมือ ม.เกริ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ