Toggle navigation
วันพุธ ที่ 25 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ปตท.เดินหน้าขยายสถานีรับ-จ่ายก๊าซ LNG รองรับ 10 ล้านตันปี 2560
ปตท.เดินหน้าขยายสถานีรับ-จ่ายก๊าซ LNG รองรับ 10 ล้านตันปี 2560
วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556
Tweet
จากการคาดการณ์ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยในปี 2556 จะเฉลี่ย อยู่ที่ประมาณ 4,600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และประมาณ การว่าจะมีอัตราเติบโตของการ ใช้ก๊าซฯ เฉลี่ยปีละประมาณ 3-4% มากน้อยขึ้นอยู่กับอัตรา เติบโตทางเศรษฐกิจไทย
สำหรับการจัดหาก๊าซฯ จากแหล่งก๊าซฯ ในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ ได้แก่ จัดหาจากอ่าวไทยประมาณ 3,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากสหภาพพม่า ประมาณ 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และ จากแหล่งบนบก เช่น แหล่งน้ำพอง จังหวัด ขอนแก่น และแหล่งภูฮ่อม จังหวัดอุดรธานี อีกประมาณ 100 กว่าล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ที่เหลือเป็นการจัดหาจากแหล่งอื่นๆ และจากการนำเข้าจากต่างประเทศในรูปแบบ ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)
กลุ่ม ปตท.จึงได้เร่งพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานที่สำคัญทางธุรกิจทุกด้าน ทั้งขยาย ระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติให้เชื่อมโยงครอบคลุมพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ การสร้างสถานีรับ LNG เพื่อรองรับการนำเข้า LNG เพิ่มเทคโนโลยีที่ทันสมัยในระบบบริหารจัดการต่างๆ มากขึ้น และจัดทำโครงการหลากหลายรูปแบบ ที่ส่งเสริมให้เกิดการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นทางเลือก และตอบสนองความต้องการของตลาด ทั้งในภาคคมนาคมขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และสาธารณูปโภค
โดยกลุ่ม ปตท. ได้ขยายสถานีรับ-จ่ายก๊าซ LNG รองรับความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2560 ซึ่งจะช่วยขยาย ขีดความสามารถในการนำเข้าก๊าซ LNG ได้มากถึง 10 ล้านตันต่อปี เพื่อเป็นแหล่ง พลังงานสำรองสำคัญของประเทศ เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและการจัดหาก๊าซธรรมชาติในระยะยาว
นายชาครีย์ บูรณกานนท์ รอง-กรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. มีแผนขยายความ สามารถของสถานีรับ-จ่าย LNG หรือ LNG Receiving Terminal เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงาน ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคไฟฟ้าที่ ความต้องการสูงขึ้นปีละ 5-6% ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจและจำนวนประชากร ที่มากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าในปี 2556 ความ ต้องการใช้ก๊าซฯ ของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 4,600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ขณะที่ไทยจัดหาก๊าซฯ จากแหล่งในอ่าวไทยและบนบกรวมกันได้เพียง 3,600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เทียบเท่า 78% ของความต้องการ ที่เหลืออีก 22% ต้องนำเข้าจากสหภาพพม่าและนำเข้าจากต่างประเทศในรูป LNG
"ก๊าซ LNG จะเป็นพลังงาน ทางเลือกที่สำคัญของไทย และยิ่งสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต เนื่องจากปริมาณสำรองก๊าซของไทยลดลงต่อเนื่อง ขณะที่การจัด หาแหล่งก๊าซฯใหม่ๆ ในประเทศทำได้ยากขึ้น และการนำเข้าก๊าซจากประเทศเพื่อนบ้านมีข้อจำกัดมากขึ้น ซึ่งสวนทางกับความต้องการใช้พลังงานที่สูงขึ้นทุกวัน ทั้งในภาคไฟฟ้า อุตสาหกรรม และขนส่ง ดังนั้น กลุ่ม ปตท. จึงเร่งเตรียมความพร้อม โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับการจัดหาและนำเข้า LNG ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งประเทศไทยมีข้อได้เปรียบด้าน การมีสถานีรับ-จ่ายก๊าซ LNG เป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีภูมิศาสตร์ที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง ภูมิภาคที่สำคัญ" คุณชาครีย์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้านนายภาณุ สุทธิรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการจัดหาบริษัทผู้รับเหมา เพื่อก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซ LNG ระยะที่ 2 ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเก็บและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซ จากปัจจุบัน 5 ล้านตันต่อปี ขยายเป็น 10 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงกลางปี 2560 เพื่อรองรับแผนการจัดหาเชื้อเพลิง สำหรับผลิตไฟฟ้า และเสริมความมั่นคงในการจัดหาก๊าซธรรมชาติของประเทศในระยะยาว
สำหรับก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG คือก๊าซธรรมชาติที่ถูกลดอุณหภูมิลงจนเหลือประมาณ -160 องศาเซลเซียส จนแปรสภาพเป็นของเหลว ทำให้สะดวกต่อการขนส่งไปยังสถานที่ห่างไกลที่ท่อส่ง ก๊าซฯ ไปไม่ถึง ดังนั้น กระบวนการเก็บรักษาและการขนส่ง LNG จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีพิเศษที่สามารถรักษาอุณหภูมิ ให้คงสถานะในรูปของเหลวได้ตลอดการขนส่ง และเมื่อต้องการนำก๊าซมาใช้งาน ต้องนำไปผ่านกระบวนการเพิ่มอุณหภูมิเพื่อ ให้กลับไปสู่สถานะก๊าซอีกครั้ง ซึ่งจาก ขั้นตอนและกระบวนการทั้งหมดทำให้ LNG มีราคาสูงกว่าก๊าซที่ผลิตได้เองจากอ่าวไทย โดย LNG มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติทั่วไป คือ ไร้กลิ่น ไร้สาร พิษ ปราศจากสารกัดกร่อน และมีน้ำหนัก เบากว่าอากาศ เมื่อรั่วไหลจะลอยตัวขึ้นไป ในอากาศอย่างรวดเร็ว ไม่เกิดการสะสมในพื้นราบ จึงยากต่อการติดไฟ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
พาณิชย์ เตรียมลงพื้นที่ชลบุรีจัดสัมมนาให...
...
“พิชัย” เปิดงาน “Crafts Bangkok 2025” หน...
...
TFBO 2025 ปิดฉากสวย ยอดผู้เข้าชมทะลุหมื่...
...
บราโว บีเคเค-โซเชียลแบรนด์ จับมือ ม.เกริ...
...
เริ่มแล้ว! Kind + Jugend ASEAN 2025 งานแ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ