เมื่อกล่าวถึงกลุ่มวิศวกรไทยที่มีศักยภาพเทียบชั้นระดับสากล คงต้องยกให้กับ “ทีมกรุ๊ป” หรืออีกชื่อที่ใช้โลดแล่นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คือ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG
ปฎิเสธไม่ได้ว่า กว่า 40 ปีที่ผ่านมา TEAMG คือ กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ให้บริการแบบครบวงจรในหลากหลายสาขา ทั้งคมนาคมและโลจิสติกส์ อาคารและสาธารณูปโภคพื้นฐาน แหล่งน้ำ สิ่งแวดล้อม การพัฒนาแหล่งน้ำและการชลประทาน โดยมีโครงการที่ร่วมดำเนินการอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ รวมทั้งการพัฒนาเมืองและภูมิภาค การพัฒนาชุมชน ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและการขนส่ง ไปจนถึงด้านพลังงาน ด้วยบริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว และมีผลงานโดดเด่นเป็นที่ยอมรับรวมๆแล้วเกือบ 3,000 โครงการ ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค
เปิดโผผลงานชิ้นใหม่
“ดร.อภิชาติ สระมูล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEAMG ได้ฉายภาพธุรกิจช่วงที่ผ่านมา และทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตว่า ในช่วงต้นปี 2566 จนถึงปัจจุบัน TEAMG ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐให้ดำเนินโครงการใหญ่ๆ หลายโครงการ เช่น
- โครงการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ ระยะที่ 1 คลองหก อำเภอธัญบุรี ปทุมธานี บนเนื้อที่ 300 ไร่ จากองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (อสส.) ซึ่งบริษัทเข้าร่วมในนามกิจการร่วมค้า อาร์เอสดีที มูลค่าโครงการ 5,354 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าสัญญาในส่วนของบริษัท 535.40 ล้านบาท
- ก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ ระยะที่ 2 โครงการจัดการสร้างพิพิธภัณฑ์ องค์ความรู้เรื่องไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในนามกิจการร่วมค้า อาร์เอสดีที มูลค่าโครงการ 2,044 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าสัญญาในส่วนของบริษัท 500.78 ล้านบาท
- ได้รับการว่าจ้าง จากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในการสำรวจและออกแบบโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 มูลค่าสัญญา 114.11 ล้านบาท
คาด Backlog ทะลุ 6,000 ล้าน
ดร.อภิชาติ บอกอีกว่า ปัจจุบัน TEAMG มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ราว 5,600 ล้านบาท แบ่งเป็นงาน 2 ส่วนหลักๆ คือ งานด้านที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงงานโครงการก่อสร้าง (Engineering Procurement Contract; EPC) ประมาณ 4,800 ล้าน และงานในส่วนของการลงทุน เช่น ลงทุนในโครงการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซล่าร์รูฟท็อปให้กับโรงงาน โครงการระบบผลิตน้ำประปาเพื่อใช้ในโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ โรงพยาบาลหลักของจังหวัดนครสวรรค์ และโครงการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางฯ ให้แก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สมาร์ทดิสทริคท์คูลลิ่ง) อีกประมาณ 800 ล้าน รวม 2 ส่วน ก็ประมาณ 5,600 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ Backlog น่าจะถึง 6,000 ล้านบาท
คาดทั้งปี 66 ผลงานเติบโต 10%
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 446.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 4.5% และมีกำไรสุทธิ 30.52 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือน มีรายได้ 1,251.31 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีน่าจะมีรายได้มากกว่าปี 2565 ประมาณ 10% ที่ทำไว้ได้ 1,654.15 ล้าน เพราะมีงานที่ได้มาทยอยรับรู้ภายในปีนี้พอสมควร โดยเฉพาะ 2 โครงการใหญ่ โครงการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ ระยะที่ 1 และโครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า ระยะที่ 2 ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในครึ่งหลังของปีนี้
คาดปีหน้าผลงานสดใส
ในช่วงนี้ TEAMG พยายามโฟกัสธุรกิจ EPC เพื่อเร่งดำเนินโครงการที่ได้รับการว่าจ้าง และงานที่เราลงทุนให้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในส่วนธุรกิจที่ปรึกษาฯ ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังคงรักษาการเติบโตต่อไป ซึ่งงานด้านที่ปรึกษา ส่วนมากจะเป็นงานภาครัฐ ขึ้นอยู่กับงบประมาณเป็นหลัก ซึ่งงบประมาณปี 2567 ล่าช้าพอสมควร เพราะเพิ่งได้รัฐบาลใหม่ คาดว่ากว่าจะได้รับอนุมัติก็เมษายนปีหน้า จะใช้ได้จนถึงตุลาคม ซึ่งรัฐบาลคงจะต้องเร่งออกโครงการเพื่อจะได้ไม่ข้ามปีงบประมาณ
"ปีนี้เราขยายเยอะพอสมควร และคิดว่าน่าจะออกดอกผลตั้งแตปีหน้าเป็นต้นไป เฉพาะแค่โครงการก่อสร้างสวนสัตว์ระยะที่ 1 และโครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า ระยะที่ 2 ที่เริ่มรับรู้รายได้เต็มปี ก็น่าจะมีรายได้มากพอสมควร
กางแผนอนาคต รุกงานสัมปทานขายน้ำประปาให้โรงพยาบาล
ส่วนแผนงานในอนาคต พยายามจะรุกงานสัมปทานขายน้ำประปาให้โรงพยาบาล เพราะมองว่ามีโอกาสเติบโต หลังจากนำร่องโครงการระบบผลิตน้ำประปาเพื่อใช้ในโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ซึ่งเป็นสัญญารับจ้างผลิตเป็นแห่งแรก ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยจะเน้นโรงพยาบาลในต่างจังหวัด ที่จำเป็นต้องใช้น้ำสะอาด และมีคุณภาพดี ซึ่งเรามีความได้เปรียบ เพราะมีข้อมูล และความเชี่ยวชาญด้านน้ำอยู่เป็นทุนเดิม
เล็งขยายธุรกิจคาร์บอนเครดิต
นอกจากนี้ TEAMG ยังมีแผนขยายไปสู่ธุรกิจคาร์บอนเครดิต ไม่ว่าจะเรื่องของ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) การเป็นที่ปรึกษาในการตรวจวัดคาร์บอนตามนโยบาย ESG ที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะต้องเริ่มทำ เพราะในอนาคตจะมีเรื่องกระแสคาร์บอนเครดิตเข้ามาเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียน คาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นปีหน้า
พร้อมลุยงาน Digital Twin
อีกหนึ่งธุรกิจที่ TEAMG โฟกัส อีกเรื่อง คือ Digital Twin คือแนวคิดการทำสำเนาหรือแบบจำลองของวัตถุต่างๆ ทางกายภาพให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล หรือ แบบโมเดลจำลองเสมือนจากวัตถุทางกายภาพ ทำให้สามารถทำงานได้เหมือนกับวัตถุจริง โดยร่วมทุนกับ DITTO ตั้งบริษัทขึ้นมา โดยได้รับสัญญาจ้างจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อพัฒนาระบบดิจิทัล ทวิน (Digital Twin) ระยะที่ 2 ภายใต้โครงการด้านศูนย์กลางนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะครอบคลุมนิคมอุตสาหกรรมที่การนิคมฯ ดำเนินการเองทั้ง 13 แห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน มูลค่าโครงการ 143 ล้านบาท
ส่วนใน 3-5 ปีข้างหน้า TEAMG ยังคงมุ่งเน้นงานโครงการก่อสร้าง (EPC) เพราะโครงการสวนสัตว์และโครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า จะต้องมีเฟสต่อไป และในส่วนของงานคาร์บอนเครดิต และ Digital Twin