Toggle navigation
วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
{apos}พลังงานทดแทน{apos}ร่อแร่ชาวบ้านเมินยื่นขอโซลาร์รูฟ ภาครัฐไม่เข็ดดันหญ้าเนเปียร์
{apos}พลังงานทดแทน{apos}ร่อแร่ชาวบ้านเมินยื่นขอโซลาร์รูฟ ภาครัฐไม่เข็ดดันหญ้าเนเปียร์
วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556
Tweet
ภายหลังจากการเปิดให้ประชาชนและภาคธุรกิจยื่นแบบคำขอขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) ในส่วนของที่อยู่อาศัยได้ขยายเวลารับซื้อส่วนของบ้านที่อยู่อาศัยเป็นสิ้นสุดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 ปรากฏว่า มีผู้ยื่นรวม 6,042 ราย รวมกำลังการผลิต 52.29 เมกะวัตต์ ต่ำกว่าเป้าหมายที่เปิดรับซื้อ 100 เมกะวัตต์ สำหรับการติดตั้งบนหลังคากลุ่มธุรกิจ มีโรงงานเสนอรวม 609.37 เมกะวัตต์ แยก เป็นการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จำนวน 122.06 เมกะวัตต์ จำนวน 1,084 ราย การ ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำนวน 487.31 เมกะวัตต์ จำนวน 397 ราย
จะเห็นว่าแม้ว่าได้ขยายเวลาการยื่นแบบคำขอขายไฟฟ้าโซลาร์รูฟภาคบ้าน เรือนของประชาชนออกมา เพื่อต้องการให้ประชาชนที่สนใจเข้ามายื่นเป็นจำนวน มากแต่ปรากฏว่ายังต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้อยู่ดี
โดยนายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า จากการประชุมบอร์ด กกพ.จะไม่มีการขยายเวลารับซื้อเพิ่มอีกในปีนี้ และจะมีการรับซื้อไฟฟ้าจากหลังคาบ้านครั้งใหม่ในปี 2557 ซึ่งจะทำสรุปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรม-การนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต่อไป เบื้องต้นจะเสนอขยายเวลาจำหน่าย ไฟฟ้าเข้าระบบ (ซีโอดี) ที่เดิมกำหนดภาย ในวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ออกไปอีก แต่ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานยังผลักดันพลังงานทางเลือกต่อไป โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เสนอ กพช. ปรับอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed in Tariff กลุ่มพลังงานชีวภาพ ได้แก่ ชีวมวล ขยะ พร้อมทบทวนอัตรา FIT จากหญ้าเนเปียร์ จาก 4.50 บาท/หน่วย เป็น 4.90 บาท/หน่วย หวังจูงใจผู้ประกอบการและเกษตรกรหันมาปลูกหญ้า เพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้สนพ.ทบทวนค่าไฟฟ้าของการผลิตไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์ เพราะ เอกชนร้องเรียนว่า การคำนวณค่าไฟฟ้า ของ สนพ.อาจผิดพลาดจากการให้อัตราฟีดอินทารีฟ 4.50 บาทต่อหน่วย ระยะเวลา 20 ปี เพราะเป็นการรับซื้อหญ้าบนพื้นฐานราคา 300 บาทต่อตัน คาดว่า 1 ไร่จะผลิตได้ 40 ตัน รายได้ประมาณ 12,000 บาทต่อไร่ แต่ยังไม่รวมค่าแรงงาน ค่าปุ๋ยถึง 4,000 บาทต่อไร่ ทำให้เกษตรกรไม่สนใจ ปลูกหญ้ามากนักเพราะรายได้จะเหลือเพียง 8,000 บาทต่อไร่ไม่คุ้มทุน คาดว่า สนพ. จะส่งผลการศึกษาทั้งหมดภายในต้นเดือนธันวาคมนี้
ด้านนายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ผู้อำนวย การ สนพ. กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้ สนพ. ทบทวนค่าไฟฟ้าส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน โดยให้ปรับเป็นค่าสนับสนุนเงินตามการลงทุนที่แท้จริง (Feed in Tariff : FIT) ทดแทนระบบส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ซึ่งจะทำให้ราคาที่กำหนดสะท้อนต้นทุนโรงไฟฟ้าที่แท้จริง และมีการปรับราคาที่เปลี่ยนแปลงตามเชื้อ เพลิงชีวมวลที่เหมาะสม เป็นธรรมกับโรงไฟฟ้าและผู้ใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะในส่วนของ อัตราการรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ FIT สำหรับโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากหญ้าเนเปียร์ที่อยู่ที่ 4.50 บาท/หน่วย ซึ่งยังไม่จูงใจผู้ประกอบการและกระตุ้นให้เกษตร-กรหันมาปลูกหญ้าเนเปียร์มากนักนั้น
จากการทบทวนอัตรารับซื้อไฟฟ้าใหม่ โดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการผลิตก๊าซชีวภาพและการผลิตปุ๋ย และทำการปรับปรุงสมมติฐานรายได้จากการจำหน่ายปุ๋ยที่ได้จากโครงการ 100% เป็น 25% ของสมมติฐานเดิม เพื่อส่งเสริมให้โรงไฟฟ้านำปุ๋ยที่ผลิตได้แจกจ่ายให้เกษตรกรในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า พบว่าอัตรารับซื้อไฟฟ้า FIT ของหญ้าเนเปียร์ที่เหมาะสมจากการปรับสมมติฐานดังกล่าวเป็น 4.90 บาท/หน่วย
สำหรับการศึกษาราคาชีวมวลที่เหมาะสมนั้น ทำการส่งเสริมโดยเน้นการผลิตไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กถึงระดับชุมชน โดยเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดไม่เกิน 300 กิโลวัตต์ กลุ่มโรงไฟฟ้าขนาด 300-1000 กิโลวัตต์ กลุ่มโรงไฟฟ้าขนาด 1-3 เมกะวัตต์ และกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาด 3-10 เมกะวัตต์ โดยมีการ กำหนดโครงสร้างราคา FIT เป็น 2 ส่วน ได้แก่ อัตรา FIT ส่วนคงที่ ซึ่งจะคิดจากต้นทุนโรงไฟฟ้าโดยตรง และอัตรา FIT ส่วนแปรผัน ซึ่งจะปรับเปลี่ยนได้ตามต้น ทุนเชื้อเพลิงชีวมวล โดยได้ศึกษาเชื้อเพลิง ในรูปเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในรูปแบบต่างๆ และทำการกำหนดราคาชีวมวลที่เหมาะสม เป็นราคาที่เหมาะสม โดยอัตรารับซื้อไฟฟ้า FIT สำหรับชีวมวล จะอยู่ในช่วง 3.78 ถึง 5.41 บาท/หน่วย
ในส่วนการกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้า FIT จากขยะนั้น มุ่งเน้นไปที่ระบบจัดการ ขยะแบบผสมผสาน โดยประเมินค่าต้นทุน ที่เหมาะสมในการผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ซึ่งสามารถนำระบบดังกล่าวมาผลิตไฟฟ้า โดยเทคโนโลยีทางความร้อนได้เหมือนเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งจากการศึกษาค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมในการผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) โดยการศึกษาจากข้อมูลระบบจัดการขยะแบบผสมผสานของไทย พบว่า อัตรารับซื้อไฟฟ้า FIT สำหรับขยะจะอยู่ในช่วง 4.69-6.32 บาท/หน่วย
"จากการศึกษาอัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ FIT ใหม่นี้ ตั้งอยู่บนสมมติฐานจริง โดยในส่วนอัตราการรับซื้อจากหญ้าเนเปียร์จะมีการปรับเพิ่มจาก 4.50 บาท/หน่วย เป็น 4.90 บาท/หน่วย ส่วนอัตรารับซื้อไฟฟ้า FIT สำหรับชีวมวล จะอยู่ในช่วง 3.78-5.41 บาท/หน่วย และ สำหรับขยะจะอยู่ในช่วง 4.69 - 6.32 บาท/หน่วย ซึ่ง สนพ. จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.เร็วๆ นี้"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
“พิชัย” เปิดงาน “Crafts Bangkok 2025” หน...
...
TFBO 2025 ปิดฉากสวย ยอดผู้เข้าชมทะลุหมื่...
...
บราโว บีเคเค-โซเชียลแบรนด์ จับมือ ม.เกริ...
...
เริ่มแล้ว! Kind + Jugend ASEAN 2025 งานแ...
...
"ยูนิเอ็กซ์ เอ็กซโป" ชี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ