รายงานพิเศษ
ตามที่ "สยามธุรกิจ" ได้นำเสนอสถานการณ์รถยนต์ติดตั้งก๊าซ LPG ในปี 2556 มีแนวโน้มลดลงเหลือเพียงเดือนละ 1 หมื่นคัน จากปี 2555 ที่มียอดการติดตั้งเดือนละ 1.5 หมื่นคัน เนื่องจากภาครัฐมีนโยบายไม่สนับสนุนให้รถยนต์ติดตั้งก๊าซ LPG เช่นเดียวกับตลาดรถยนต์ติดตั้งก๊าซธรรมชาติ NGV ก็อยู่ในสภาวะหดตัว โดยในปี 2556 มียอดรถยนต์ใช้ก๊าซ NGV ลดลง 20% หรือมีปริมาณลดลงเหลือเดือนละ 4 พันคัน จากปี 2555 มียอดรถยนต์ใช้ก๊าซ NGV ออกสู่ตลาดเดือนละ 6 พันคัน
ล่าสุดทางกระทรวงพลังงานยังคงเดินหน้านโยบายลดปริมาณการใช้ก๊าซ LPG ด้วยการศึกษาแนวทางการลดปริมาณการใช้ LPG หลังจากพบว่า ราคาตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ตะวันออกกลางล่าสุดราคาอยู่ที่ 1,096 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน แม้ว่าจะยังไม่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอย่างเต็มที่ก็ตาม และมีแนวโน้มราคาจะขยับขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
จากแนวโน้มราคาขยับขึ้นเมื่อนำเข้าต้องบวกเพิ่มค่าขนส่งเข้าไปอีก 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลให้ราคาต้นทุนนำเข้าพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 35.46 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาขายภาคครัวเรือนไทยได้ขยับขึ้นมาเป็น 20.13 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อคิดจากยอดการนำเข้า 150,000-180,000 ตันต่อเดือน ทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องแบกรับภาระจ่ายชดเชยค่าส่วนต่างนำเข้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,000-3,000 ล้านบาท
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้เตรียมรับมือกับราคาก๊าซ LPG ที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วยการนำมาตรการประหยัดการใช้ก๊าซ LPG มาใช้เป็นอย่างแรก โดยขอความร่วมมือกับภาคเอกชนอุตสาหกรรมที่เคยลงนามให้ความร่วมมือลดใช้ก๊าซ LPG กรณีพิเศษไว้ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมโรงงานเซรามิก นอกจากนี้ ยังจะมีการขอความร่วมมือภาคครัวเรือนให้ประหยัดการใช้ก๊าซ LPG ลงด้วย
พร้อมกันนี้กระทรวงพลังงานยังเตรียมแผนจะปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ หรือ NGV ในปี 2557 ด้วย เพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและเตรียมพร้อมการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 โดยได้สั่งการให้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เร่งศึกษาราคาก๊า LPG ตลาดโลก เนื่องจากขณะนี้ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกปรับขึ้นสูงมาก
"ถ้าหากไม่ปรับราคาให้มีความเหมาะสมกับตลาดโลกจะทำให้ประเทศเพื่อนบ้านแห่มาใช้น้ำมันและก๊าซราคาถูกในประเทศเรากันมากขึ้น ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันฯแบกรับภาระการชดเชยไม่ไหวในระยะยาว ดังนั้น จึงต้องเตรียมการพิจารณาปรับขึ้นราคา"
อย่างไรก็ตาม จากทิศทางของกระทรวงพลังงานเตรีมตัวจะปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดีเซลได้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการอีกกลุ่มหนึ่งและมีความสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจนั่นคือ "ภาคการขนส่ง" ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการขยายสถานีบริการให้เพียงพอกับความต้องการ
นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมแผนจะปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV ในปี 2557 ทางผู้ประกอบการขนส่งยังยืนยันหลักการเดิมว่า ทางปตท.จะต้องดำเนินการเพิ่มจำนวนสถานีบริการ ก๊าซ NGV เพิ่มอีก 100 แห่งในปี 2557 เพื่อให้บริการอย่างทั่วถึงมากกว่า นี้พร้อมกับจะต้องนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เติมลงไปในก๊าซ NGV ออก เนื่องจากการเติมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดต่ำลงและมีผลกระทบต่อเครื่องยนต์ด้วย
จากปมปัญหาก๊าซ NGV มีสถานีบริการไม่เพียงพอแม้ว่า ปตท.จะเปิดปั๊มให้ครบ 490 แห่ง ในปีนี้ ขณะที่ปริมาณรถยนต์ที่ใช้ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้กลายเป็นปัญหาเช่นเดียวกัน ล่าสุดรถยนต์เติมก๊าซ NGV ประมาณ 4.1 แสนคัน จากทั้งประเทศ 12 ล้านคัน ทำให้ปตท.แบกรับภาระขาดทุนอยู่ที่ 5.5 บาทต่อกิโลกรัม เพราะทุกวันนี้จำหน่า ยอยู่ที่ 10.5 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งที่ราคาต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 16 บาทต่อกิโลกรัม
ส่งผลให้ขาดทุนเกือบ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี หรือวันละประมาณ 52 ล้านบาท ยอดขาดทุนสะสมทะลุ 6 หมื่นล้านบาท เข้าไปแล้ว จึงเป็นปมปัญหาที่ "สองฝ่าย" จะต้องมานั่งจับเข่าคุยหาทางออกร่วมกัน...!