‘อุดมเดช’ เคาะ 6 โปรเจกต์เร่งด่วนนำร่องโรงไฟฟ้าชีวภาพขยะพื้นที่ ทบ.-ทอ.

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

‘อุดมเดช’ เคาะ 6 โปรเจกต์เร่งด่วนนำร่องโรงไฟฟ้าชีวภาพขยะพื้นที่ ทบ.-ทอ.


“อุดมเดช” ถกกองทุนส่งเสริม การอนุรักษ์พลังงาน เคาะ 6 โปรเจกต์เร่งด่วน สั่งกองทัพบก-กองทัพอากาศนำร่อง “โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากขยะ” เผยมอบ 2 บอร์ด พิจารณาโครงการโซลาร์รูฟท็อปชุมชนที่เห็นว่า มีประโยชน์และเร่งด่วน โดยใช้งบประมาณปี 57
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยภายหลัง การประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ใช้งบประมาณจากการขอจบการดำเนินโครงการในปี 2557 มาให้กับกรมพัฒนาพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ดำเนินโครงการพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานที่เร่งด่วน ก่อให้เกิดประโยชน์และเป็น รูปธรรมจำนวน 6 โครงการ จำนวน 2,687 ล้านบาท อาทิ โครงการต้นแบบการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซชีวภาพจากหลุมฝังกลับขยะขนาดเล็ก ในพื้นที่หน่วยงานของกองทัพบกและกองทัพอากาศ โดยจัดทำโครงการนำร่อง และการบริหารจัดการขยะในชุมชน
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า มีหน่วยงานภายในกองทัพบกและกองทัพอากาศที่เหมาะสมและมีความพร้อมทางด้านพื้นที่ กำลังพลในการบริหารจัดการและศักยภาพด้านปริมาณของขยะจำนวน 8 หน่วยงาน รวมกำลังการผลิตไฟฟ้า จากพลังงานทดแทนใช้ในชุมชนได้ไม่น้อยกว่า 4 เมกะวัตต์ โครงการ อนุรักษ์พลังงานและใช้พลังงานทดแทนพื้นที่เสี่ยงภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วย 3 โครงการย่อย คือ 1.โครงการ ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์แบบรถเคลื่อนที่ในฐานปฏิบัติการที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง 2.โครงการพัฒนาระบบแสงสว่างด้วยชุดโคมส่องสว่างแบบแอลอีดี (LED) ประหยัดพลังงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความสว่างในเส้นทางเพื่อความปลอดภัย 3.โครงการติดตั้งเสาไฟพร้อมโคมส่องสว่างแบบโซลาร์เซลล์
“แผงโซลาร์รูฟท็อป เพื่อให้แสงสว่างในพื้นที่ไม่ปลอดภัยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามเสาไฟฟ้าในพื้นที่ที่มีความจำเป็น หรือพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง การจัดทำโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะ ถือเป็นนโยบายที่ทางหัวหน้า คสช. ได้ให้ไว้ น่าจะเป็นเรื่องพลังงานทดแทนที่มีประโยชน์ และยังช่วยสภาพแวดล้อม เพราะเรามีขยะจำนวนมาก”
นอกจากนี้ ยังมีโครงการอนุรักษ์พลังานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการตามแนวพระราชดำริ เพื่อนำพลังงานทดแทนไปสาธิตใช้งานในพื้นที่โครงการรวม 10 โครงการย่อย อาทิ โครงการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาด 30 กิโลวัตต์ โครงการติดตั้ง ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ สนับสนุนโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามแนว พระราชดำริ จ.เชียงราย และการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ สนับสนุนโครงการจัดตั้งหมู่บ้านชาวไทยภูเขาตามพระราชเสาวนีย์ จ.แม่ฮ่องสอน เป็นต้น
โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์และใช้ในหน่วยงานด้านความมั่นคง ได้แก่ กองทัพบก กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับภารกิจของหน่วยงานความมั่นคงพร้อมกับพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรได้มีประสบการณ์จริง สามารถถ่ายทอดความรู้สู่ภาคประชาชน โดยได้ของบประมาณจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เพื่ดจัดซื้ออุปกรณ์พร้อมติดตั้งระบบผลิตและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่จะนำไปใช้เสริมความมั่นคงในพื้นที่ 4 หน่วยงานหลัก จำนวน 33 ระบบ ขนาดกำลังการผลิตรวมไม่น้อยกว่า 10 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าที่ใช้ในหน่วยงานได้ประมาณ 30-70% ของค่าใช้จ่ายปัจจุบัน เป็นต้น
“การประชุมในครั้งนี้เน้นถึง การส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนตามนโยบายของ คสช. เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศให้ยั่งยืนเป็นระบบโดยไม่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน โดยการผลิตไฟฟ้าจากขยะรวมถึง พลังงานทดแทนประเภทอื่นๆ ทั้งนี้ยังได้มีการพิจารณาสนับสนุนส่วนราชการ สำหรับการปฏิบัติงานใน พื้นที่ที่การไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงให้สามารถเข้าถึงได้ โดยเฉพาะพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งต้องมีการ พิจารณาในมิติของความมั่นคงต่อไป”
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบใช้งบดังกล่าวให้กับ พพ. วงเงิน 20 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่าย ในการติดตามงานและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการฯ อีกด้วย
“การสนับสนุนโครงการ ดังกล่าวเป็นการดำเนินโครงการที่สอดคล้องตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปีระหว่าง พ.ศ.2555-2563 และยังเป็นการเสริมความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับภารกิจของ หน่วยงานความมั่นคง การพัฒนา บุคลากรให้มีความรู้และมีประสบการณ์ ตรงในการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีพลังงานทดแทน รวมถึงเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ และภาคประชาชนในพื้นที่ในการนำความรู้ด้านพลังงานเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น”
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า สำหรับกรณีที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในภาครัฐ (คตล.) ได้ให้ทบทวน 23 โครงการ ซึ่งเป็นแผนงานโครงการในปี 56-57 ซึ่งทางคณะ อนุกรรมการกองทุนส่งเสริมพลังงาน ทดแทนได้พิจารณาว่า จาก 23 โครงการ จะดำเนินการต่อเพียง 2 โครงการคือ โครงการให้ทุนไปพัฒนาพลังงานทดแทน และในเรื่อง ของการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่สูงมากเพียง 400 ล้านบาท
โครงการโซลาร์รูฟท็อปชุมชนที่ประชุมได้พิจารณาสมควรมอบหมายให้ทางคณะอนุกรรมการที่ได้จัดตั้งขึ้น 2 คณะ ได้ไปพิจารณาโครงการที่เห็นว่า มีประโยชน์และเร่งด่วนที่สมควรดำเนินการต่อ โดยใช้งบประมาณปี 57 ที่เหลือ ได้อีกจำนวนหนึ่ง


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ