นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2557 ได้มีมติให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แยกธุรกิจท่อก๊าซ ออกมาตั้งเป็นบริษัทใหม่ ที่ ปตท.ถือหุ้นร้อยละ 100 และกระทรวงการคลังจะเข้ามาถือหุ้นต่อไปในระยะเวลาที่เหมาะสมในสัดส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 และจะไม่มีการแปรรูป เพื่อให้ธุรกิจท่อก๊าซธรรมชาติมีการแข่งขันที่เป็นธรรมในอนาคตได้แล้วนั้น การดำเนินดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน 3 ประการ
ประการแรก ทำให้การตรวจสอบโครงสร้างต้นทุนมีความโปร่งใส เป็นผลดีต่อผู้ใช้ก๊าซได้รับทราบต้นทุนทั้งระบบ ประการที่สอง ลดการผูกขาด เนื่องจากบุคคลที่ 3 สามารถเข้ามาใช้บริการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจการค้าก๊าซธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติทั้งภาคไฟฟ้า และอุตสาหกรรมได้รับประโยชน์ด้านราคาจากกลไกการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น ประการสุดท้าย เสริมสร้างประสิทธิภาพ ช่วยส่งเสริมให้ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซให้มีการใช้งาน อย่างเต็มสมรรถนะ
ทั้งหมดนี้ภายใต้การกำกับดูแลจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ชุดใหม่ที่อยู่ในระหว่างการจัดทำข้อบังคับว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม โดยได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ไปแล้วในวันที่ 15 สิงหาคม 2557
ทั้งนี้ การดำเนินการที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังได้ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเพื่อวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมทั้งแยกอำนาจและสิทธิในส่วนที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐออกจากอำนาจและสิทธิของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดครบถ้วนแล้วนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 และศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาและยืนยันว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้ว
ทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้แบ่งแยกคืนให้กับกระทรวงการคลังนั้น บริษัทท่อใหม่จะต้องไปทำสัญญาใช้ทรัพย์สินดังกล่าว โดยจ่ายค่าตอบแทนให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังต่อไป
สำหรับความห่วงใยของประชาชนบางกลุ่มนั้น กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลังจะดำเนินการร่วมกันสร้างความชัดเจนทางด้านกฎหมาย ในประเด็นทรัพย์สินเพื่อความถูกต้อง โปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่น อย่างครบถ้วน ทั้งนี้ กพช. ได้พิจารณาโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก ซึ่งนโยบายด้านพลังงานเป็นเรื่องสำคัญและเป็นหนึ่งในความมั่นคงของประเทศ