กางพิมพ์เขียว ‘อนุรักษ์พลังงาน’ ปี 58 รีสตาร์ตยกแผงอุตฯ-อาคาร-ขนส่ง

วันจันทร์ที่ 08 กันยายน พ.ศ. 2557

กางพิมพ์เขียว ‘อนุรักษ์พลังงาน’ ปี 58 รีสตาร์ตยกแผงอุตฯ-อาคาร-ขนส่ง


กางแผนอนุรักษ์พลังงานที่จะคิกออฟในปี 2558 ตั้งเป้าอีก 20 ปีข้างหน้าต้องลดการใช้พลังงานต่อผลผลิตให้ได้ 30% บ้านอยู่อาศัยต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 และหลอดไฟ LED ทั้งหมด ภาคขนส่งยกระดับเกณฑ์มาตรฐาน Fuel Economy ของยานยนต์ มีการพัฒนาการขับขี่และจัดการระบบขนส่งให้ประหยัดพลังงาน การเดินทางและขนส่งสินค้ามุ่งสู่ระบบราง ส่วนภาคอุตสาหกรรม ต้องใช้พลังงานต่อหน่วยผลผลิตติดระดับโลก
กระทรวงพลังงานเตรียมประกาศแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP)แผนอนุรักษ์พลังงาน แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ตลอดจนแผนด้านการจัดหาพลังงาน เพื่อปรับปรุงแผนด้านพลังงานด้านต่างๆ ที่มีอยู่พัฒนาไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน ความต้องการใช้ไฟฟ้ากับกำลังผลิตไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาคยังคงมีบางส่วนที่ต้องได้รับการพัฒนาให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการ เช่น ในภาคใต้ปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้า 2,416 เมกะวัตต์ ขณะที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่ 2,683 เมกะวัตต์ และเป็นพื้นที่ที่มีความสวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงต้องดูความเหมาะสมของประเภทของโรงไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดจะนำไปสู่การวางแผนยุทธศาสตร์พลังงานชาติในภาพรวมที่สอดรับกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป
ในส่วนของแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปีเดิม เริ่มใช้ระหว่างปี 2554-2573 รัฐบาลกำหนดให้ลดระดับการใช้พลังงานต่อผลผลิตลง 25% ปริมาณการใช้พลังงานต้องลดลงไม่ต่ำกว่า 38,845 Ktoe ในปี 2573 ซึ่งที่ผ่านมาภาพรวมการดำเนินงานถือว่าประสบความสำเร็จ โดยพบว่า สามารถอนุรักษ์พลังงานได้มากกว่าแผนที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะภาคอาคารและบ้าน แม้ว่าอาจจะมีภาคขนส่งที่ยังต่ำกว่าเป้าหมายก็ตาม
แผนการอนุรักษ์พลังงานฉบับใหม่เริ่มระหว่างปี 2558-2579 ได้กำหนดให้ระดับการใช้พลังงานต่อผลผลิตลดลง 30% ในปี 2579 ปริมาณการใช้พลังงานต้องลดลง 57,400 Ktoe แบ่งออกเป็นภาคอุตสาหกรรม 24,000 ktoe ภาคธุรกิจและบ้านพักอาศัย 10,700 และภาคขนส่ง 22,700 ktoe
สำหรับแนวทางการอนุรักษ์พลังงานภาคอาคารธุรกิจขนาดเล็กและบ้านอยู่อาศัย ได้กำหนดแนวทางยกระดับประสิทธิภาพพลังงานและสัดส่วนการใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง โดยกำหนดใช้แอร์เบอร์ 5 และหลอดไฟประหยัดพลังงาน LED 100% ในปี 2579 จากเดิมปี 2573 กำหนดใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง เช่น แอร์เบอร์ 5 ให้ได้สัดส่วน 70% ใช้หลอดไฟ T5 CFL
ภาคขนส่งได้กำหนดเปลี่ยนโหมดไปสู่ระบบการดำเนินทางและขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้ขนส่งสาธารณะมีสัดส่วน 60% ในปี 2579 เพิ่มขึ้นจาก 52% ในปี 2573 ใช้ระบบราง 17% เพิ่มขึ้นจาก 15% ในปี 2579 พร้อมกันนี้ยังมีการยกระดับเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำและ ใข้ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง แบ่งเป็นอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของยานพาหนะใหม่ดีขึ้น 20% ในปี 2579 จากเดิม 15% ในปี 2573 ผลักดันให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยดีขึ้น 60% ในปี 2579 จากเดิม 35% ในปี 2573 และแนวทางการพัฒนาการขับขี่และการจัดการระบบขนส่ง ให้ประหยัดพลังงาน ด้วยการเพิ่มปริมาณผู้ประกอบการขนส่งมีระบบการจัดการขนส่งและฝึกอบรมผู้ขับขี่ ในรถบรรทุกในปี 2579 เป็น 80% จากเดิม 50% ในปี 2573
ภาคอุตสาหกรรมต้องยกระดับพลังงานที่ใช้ต่อหน่วยผลผลิตของอุตสาหกรรมแต่ละสาขาให้เป็นระดับที่ดีที่สุดของโลก อาคารธุรกิจขนาดใหญ่ยกระดับ BEC : Building Energy Code ให้สูงขึ้นเป็นระดับ Economic Building
นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เพื่อให้แผนอนุรักษ์พลังงานสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้กำหนด 7 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย การใช้มาตรการแบบผสมผสานทั้งการบังคับและสนับสนุนจูงใจ การใช้มาตรการที่จะส่งผลกระทบวงกว้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การให้เอกชนเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการส่งเสริมและดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน การใช้มืออาชีพและบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) เป็นกลไกสำคัญ การเพิ่มการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี และเสริมสร้างธุรกิจผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพพลังงานสูง ยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานทุกภาคเศรษฐกิจให้ทัดเทียมสากล และผลักดันมาตรการอนุรักษ์พลังงานอย่างเข้มข้น เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงานในระดับภูมิภาค
นอกจากนี้ ยังมี 5 กลยุทธ์ ประกอบด้วย การบังคับด้วยกฎระเบียบและมาตรฐาน ส่งเสริมและสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงาน ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างความตระหนักและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และพัฒนากำลังคนและความสามารถเชิงสถาบัน
นายชวลิต กล่าวด้วยว่า แผนอนุรักษ์ พลังงานและแผนพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของประเทศจะสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP 20 ปี ที่จะประกาศใช้ปี 2558-2579 ซึ่งในการจัดทำได้คำนึงถึงการกระจายแหล่งเชื้อเพลิงด้วยการไม่พึ่งพาเชื้อเพลิงชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป จนทำให้เกิดความเสี่ยงด้านพลังงาน และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่จะต้องเพิ่มการใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียน
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว ปัจจุบันภาคประชาชนมีความตื่นตัวในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้านพลังงานเป็นอย่างมาก มีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อเรื่องการปฏิรูปพลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นการปฏิรูป ในระดับชาติ กระทรวงพลังงานเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ต่อเรื่องพลังงาน จึงได้สานต่อเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น อย่างต่อเนื่องทั่วทุกภูมิภาคของประเทศเกี่ยวกับทิศทางพลังงานของไทย เพื่อให้ภาครัฐได้นำไปกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของชาติในระยะยาวต่อไป
“การเปิดรับฟังความคิดเห็นทิศทางพลังงานไทยจะจัดให้มีขึ้นตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะจัดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น ภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นจะรวบรวมข้อมูลที่ได้รับฟังความคิดเห็นในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2557 จากนั้นจะนำข้อเสนอจากการรับฟังตามภูมิภาคมาสรุปประมวลผลที่กรุงเทพฯ”


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ