เปิดโมเดล ‘บาฟส์-2’ผ่าทางตันท่อก๊าซ ปตท.

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

เปิดโมเดล ‘บาฟส์-2’ผ่าทางตันท่อก๊าซ ปตท.


ทำเอาประชาชนคนไทยปลื้มสุดๆ กับมหกรรมคืนความสุข ที่รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ประเคนมาให้ พร้อมตีฆ้องร้องป่าวนโยบาย “ปฏิรูปพลังงาน” ลดการบิดเบือนพลังงานอย่างจริงจัง
วันวานก็กลับปรับลดอัตราจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กระชากราคาเบนซินลงมาฮวบฮาบ ชนิดที่ทำ เอาประชาชนผู้ใช้น้ำมันสำลักแทบตั้งตัว ไม่ติด ก่อนจะตามมาด้วยการปรับราคาแอลพีจีในภาคขนส่งที่จะให้ขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับครัวเรือนลดการบิดเบือนโครงสร้างราคา ซึ่งจะว่าไปก็ถือเป็นมหกรรมคืนความสุขที่ทุกฝ่ายเพรียกหา
แต่กับเรื่องของท่อก๊าซ ปตท.ที่กำลังระอุแดดขึ้นมา ดูจะยังเป็นเผือกร้อนที่รัฐบาลต้องลุ้นอีกหลายเฮือก หลังเครือข่ายเอ็นจีโอออกมาตีฆ้องร้องป่าวว่าบริษัท ปตท.ยังไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในการคืนท่อก๊าซ ปตท.กลับมาเป็นสมบัติของแผ่นดิน เพราะยังมีท่อก๊าซในทะเลและอีกบางส่วนที่ ปตท.ยังไม่ได้คืนให้
ทำเอาแผนแยกกิจการท่อก๊าซ ปตท.ที่ “คณะกรรมการนโยบายพลังงาน แห่งชาติ” (กพช.) เพิ่งจะอนุมัติให้จัดตั้ง บริษัทขึ้นมาดำเนินการโดยเฉพาะตาม มติ กพช.เมื่อ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา จ่อจะงานเข้าต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด
แม้ที่ผ่านมาผู้บริหาร ปตท.จะ ออกโรงยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาไปหมดสิ้นแล้วตั้งแต่ 28 พ.ย. 2551 และได้รายงานสรุปผลการดำเนินงานไปยังสำนักงานศาลปกครองสูงสุด ซึ่งก็ได้มีบันทึกเมื่อ 26 ธ.ค. 51 ว่า ปตท. และผู้ถูกฟ้องคดีในเวลานั้น ได้ปฏิบัติตาม คำพิพากษาไปหมดสิ้นแล้ว
“ปตท.ได้โอนทรัพย์สินที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินที่มีอยู่ก่อนการแปลงสภาพเป็นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้กระทรวงการคลัง โดยมีมูลค่าทางบัญชี (ณ วันที่ 30 ก.ย.2544) จำนวน 16,176 ล้านบาท พร้อมกับได้จ่ายค่าเช่าให้แก่กรมธนารักษ์จากการใช้ทรัพย์สิน ที่ได้คืนไปมาโดยตลอด” ส่วนหนึ่งของคำชี้แจงของ “ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ปตท.ที่มีต่อเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม คำชี้แจงของฝ่ายบริหาร ปตท.ข้างต้น ดูจะไม่สามารถสร้าง ความกระจ่างให้แก่เครือข่ายเอ็นจีโอ เครือข่ายจับตาปฏิรูปพลังงานไทยอะไรได้ เพราะยังคงมีความพยายามจะชี้ให้สังคมได้เห็นว่า ปตท.ยัง “หมกเม็ด” การคืน ทรัพย์สินท่อก๊าซที่ไม่เป็นไปตามคำพิพากษา ของศาลออกมาอยู่ดี รวมทั้งยังคงมีการโจมตีว่าแม้จะแยกกิจการท่อก๊าซออกไปจัดตั้งเป็นบริษัทดูแลโดยเฉพาะ แต่สุดท้ายก็ยังคงมีปตท.เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เพียงเจ้าเดียวจนนายกฯ สั่งให้กระทรวงพลังงานเร่งเคลียร์หน้าเสื่อเรื่องนี้ โดยให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาลงมาดูข้อกฎหมาย
ก็ไม่เข้าใจว่าท่อก๊าซที่อยู่ในมือ ปตท.นั้นไม่ถือว่าเป็นสมบัติของชาติสมบัติของแผ่นดินหรืออย่างไร ในเมื่อบริษัทปตท.นั้นผู้ถือหุ่นใหญ่ก็คือกระทรวงการคลัง และนักลงทุนรายย่อยอีกนับล้านคน ขนาดนี้ยังไม่ถือเป็นสมบัติของชาติอีกหรือ ยังจะเอาไปไว้ในอ้อมอกกระทรวงการคลัง เอาไปบริหารแบบราชการอะไรกันอีกหรือ?
ที่จริงหนทางออกของการแยกท่อก๊าซออกมาดำเนินการเป็นการเฉพาะเพื่อลดข้อครหาว่า ปตท.ผูกขาดได้อย่างเบ็ดเสร็จนั้นมีอยู่แล้ว และเป็นเรื่องที่รัฐบาลและกระทรวงการคลัง รวมทั้งปตท.เองก็เคยดำเนินการมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึง “ขี่ม้ารอบค่าย” มองข้ามโมเดลการดำเนินการดังกล่าวไปได้ ทั้งที่กระทรวงการคลังและ ปตท.เองก็มีการดำเนินการมาก่อน
ซึ่งก็โมเดลธุรกิจเดียวกับ “บริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ” หรือ BAFs ที่มีบริษัทการบินไทย และบริษัทน้ำมันน้อย-ใหญ่ร่วมลงขันถือหุ้นอยู่ด้วย ทั้ง ปตท.บริษัทเชลล์ เอสโซ่สแตนดาร์ด คาลเท็กซ์ โมบิล ฯลฯ รวมทั้งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ที่ร่วมลงขันถือหุ้นอยู่ด้วยในลักษณะ Pool การใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเติมเครื่องบินร่วมกันใครจะถือหุ้นมาก-น้อยอย่างไรก็ว่ากันไปแล้วแต่กำลัง
โมเดลธุรกิจของบาฟส์นี้ ผู้ถือหุ้นแต่ละรายสามารถดำเนินการเจราจาธุรกิจ ที่เป็น Exclusive กับลูกค้าของตนได้ จะสั่งให้ฝ่ายจัดการคือ “บาฟส์” เป็นผู้จ่ายน้ำมันให้แก่ลูกค้าจากหัวจ่ายเดียวกันก็ทำได้จากปกติที่ฝ่ายจัดการเป็นผู้ทำตลาดให้อย่างเบ็ดเสร็จอยู่แล้ว อีกทั้งคุณภาพน้ำมันเครื่องบินหรือ Jet Oil นั้นมีคุณภาพ เดียว ไม่ได้มีหลายเกรดหลายระดับ ไม่ต่างไปจากก๊าซธรรมชาติที่คงไม่ได้มีหลายเกรดหลายคุณภาพ การแยกท่อก๊าซออกมาดำเนินการตามโมเดลธุรกิจนี้ จึงไม่ได้เป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญอะไรเลย แค่หามืออาชีพเข้ามาทำ Due Diligence ประเมินมูลค่าก่อนจะเชื้อเชิญผู้ถือหุ้นผู้ค้าน้ำมันผู้ค้าก๊าซน้อยใหญ่เข้ามาร่วมลงขัน จ้างผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาเป็นผู้บริหาร
ผลที่ตามมาจากการที่ผู้ค้าน้ำมัน ทุกรายที่ร่วมลงขันถือหุ้นอยู่จะทำให้การบริหารท่อก๊าซเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ผู้ค้าน้ำมันผู้ค้าก๊าซ มีส่วนร่วมกำหนด อัตราค่าผ่านท่อที่เป็น ราคามาตรฐานที่ทุกฝ่ายพึงพอใจไม่ถูก หรือแพงจนเกินไปจนกลายเป็นการกีดกันรายอื่นไม่ให้มีโอกาสได้เข้าสู่ตลาด
แต่หากกำหนดอัตราคาผ่านท่อต่ำไปจนไม่คุ้มการลงทุน กระทบสถานะของบริษัทร่วม ท้ายที่สุดผู้ถือหุ้นเองก็ได้รับผลกระทบจะต้องมีการเพิ่มทุนตามมานั้น จึงทำให้การกำหนดอัตราค่าผ่านท่อเกิดความสมดุลที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันกำหนด รวมทั้งยังสามารถดึงตัวแทนในภาคประชาชนเข้าร่วมตรวจสอบ ร่วมเป็นกรรมการอิสระได้ด้วย
น่าแปลกที่ “โมเดลธุรกิจ” นี้ คนใน ปตท.ก็รู้อยู่เต็มอกเพราะร่วมถือหุ้นอยู่ในบริษัทบาฟส์ที่ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานอยู่แล้ว แต่กลับแปลกที่ไม่เห็นคนพลังงาน ปตท.ปัดฝุ่นเรื่องนี้ขึ้นมาดำเนินการ
การแยกท่อก๊าซที่ให้ ปตท.ถือหุ้น 100% แยกออกจากบริษัทแม่แล้วมันลดข้อครหาผูกขาดพลังงาน และท่อก๊าซลงไปได้หรือ? ก็ในเมื่อ ปตท.ยังคงถือหุ้นอยู่ 100% และถึงแม้จะเปิดให้รัฐเข้ามาถือ 25-30% ดึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เข้ามากำหนดอัตราค่าผ่านท่อหรือเปิดทางให้เอกชนรายอื่นเข้ามาใช้ก็ยังหนีไม่พ้นจะต้องถูกครหาว่าผูกขาดอยู่ดี
เมื่อรัฐบาลใหม่จะเดินเครื่องปฏิรูปพลังงานเต็มสูบอยู่แล้ว ก็ต้องทำให้สะเด็ดน้ำลงไปอย่าปล่อยคารา-คาซังจนต้องหวนกลับมาสังคายนา กันใหม่ในอนาคตอีกเลย!!!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ