ดันกฎหมายห้ามโฆษณานมผงเพิ่มลาคลอดจาก 3 เป็น 6 เดือน

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

ดันกฎหมายห้ามโฆษณานมผงเพิ่มลาคลอดจาก 3 เป็น 6 เดือน


เครือข่ายรณรงค์ปลอดนมผงดัน พ.ร.บ.การตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก ระบุห้ามโฆษณาให้เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบบริโภคนมผง มั่นใจได้รับความเห็นชอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมดันกฎหมายแรงงานลาคลอดได้มากกว่า 3 เดือน
น.พ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย พาสื่อมวลชนเดินทางไปดูงานรณรงค์ตำบลปลอดนมผง ที่อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายการขับเคลื่อนและรณรงค์ให้องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนทุกภาคส่วนของสังคมไทยได้เห็นถึงความสำคัญของการให้นมแม่แก่เด็กทารก รวมถึงแนวทางในการนำเสนอผลักดันร่างพ.ร.บ. ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องพ.ศ…….ซึ่งที่ผ่านมากรมอนามัยได้มีการผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีมาแล้วแต่มีการเปลี่ยนแปลงใน ครม.เสียก่อน โดยต่อจากนี้ไปจะมีการดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งมีการตั้งความหวังไว้สูงว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะได้รับความเห็นชอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เพราะหากจะรอไปจนกว่ามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอาจจะทำให้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมีอันต้องตกไปเนื่องจากทราบมาว่าขณะนี้บริษัทผู้ผลิตนมผงได้มีการวิ่งเต้นล็อบบี้ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ ตลอดจนพรรคการเมืองและนักการเมืองระดับชาติดำเนินการตัดตอนไม่ให้พ.ร.บ.ดังกล่าวมีผลบังคับใช้
น.พ.ศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า เรื่องการรณรงค์ให้ลูกดื่มนมแม่นั้นประเทศ ไทยมีการขับเคลื่อนมาโดยตลอด แต่เมื่อมีความเจริญเข้ามามีการโฆษณานมผงโดยการสร้างภาพว่าเด็กที่กินนมผงนั้นเป็นไฮโซก็ทำให้การรณรงค์เรื่องนี้หายไป ปริมาณการบริโภคนมแม่ของไทยจึงต่ำที่สุดในเอเชียคืออัตราเพียง 12.5% เท่านั้น ส่วนที่เหลือคือประมาณ 86% หันไปบริโภคนมผงทั้งสิ้น เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมารดาขาดความรู้เรื่องนมแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์ ประการต่อมาก็คือกฎหมายแรงงานเปิดโอกาสให้มารดาลาคลอดได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูลูก (องค์การอนามัยโลก ประกาศปี พ.ศ.2545 ว่ากินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน มีผลดีต่อเด็กคือลดโอกาสการเกิดโรคท้องเสีย โรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ รวมทั้งส่งผลดีต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กมาก กว่าด้วย) แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือการที่บริษัทผู้ผลิตจำหน่ายนมผงยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศมีการรณรงค์ทาง การตลาด โดยชี้นำถึงคุณประโยชน์ของการดื่มนมผงว่าเด็กมีการเจริญเติบโตที่เร็วขึ้นมีความฉลาดมากกว่าการดื่มนมแม่ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ ถูกต้อง
“องค์กรเครือข่ายพยายามดึงกระแสการดื่มนมแม่กลับคืนมา เหมือนโมเดลการรณรงค์เลิกสูบบุหรี่ ซึ่งในปัจจุบันใครสูบบุหรี่ถือเป็นสิ่งที่น่ารังเกลียด ต่อไปใครที่ให้ลูกดื่มนมผงอาจจะกลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจของสังคมในขณะที่ใครให้ลูกดื่มนมตนเองกลับกลายเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและเป็นสิ่งที่สง่างาม” น.พ.ศิริวัฒน์ กล่าว
ด้านพ.ญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กล่าวว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมผงที่กำลังแพร่หลายอยู่ในขณะนี้ก็เพราะบริษัทผู้ผลิตจำหน่ายได้มีการทำการตลาดที่ขาดจริยธรรม โดยมีพฤติกรรมไปพบหมอตามโรงพยาบาลชักจูงให้ใช้นมผงแก่ทารกและเด็ก มีการเสนอสิ่งจูงใจ เช่น มอบอุปกรณ์การช่วยหายใจฟรี เสนอตกแต่งหรืออุปกรณ์ประจำสำนักงานให้ฟรีรวมถึงการเสนอโบนัสเป็นเงินทองการนำเที่ยวและอื่นๆ ซึ่งขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งรับข้อเสนอดังกล่าวจำนวนมาก มีมูลค่าจำนวนนับหมื่นล้านบาท จากปัญหาที่เกิดขึ้นกรมอนามัยจึงได้เสนอร่างพ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องพ.ศ……เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยมีเนื้อหาสำคัญคือ ห้ามโฆษณาให้เด็กต่ำกว่า 3 ขวบบริโภคนมผง และห้ามมีการส่งเสริมการตลาด เป็นต้น


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ