"ไทยประกันชีวิต" เผย ผลงาน Q1 ปี 68 กำไรสุทธิแข็งแกร่ง 2,683 ล้านบาท มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่เติบโต 39.5% จากกลยุทธ์เน้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างกำไรระยะยาว

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568



บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ รายงานผลประกอบการภายใต้มาตรฐานรายงานทางการเงินฉบับใหม่ (TFRS 17 และ TFRS 9) โดยยังคงมีผลกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 2,638 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 20.4% ขณะที่มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 2,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการกำหนดกลยุทธ์การเน้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าในระยะยาว

นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า การเติบโตของ VONB มาจากยอดขายผ่านช่องทางตัวแทนฯ เป็นหลัก โดยเฉพาะการขายสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ ที่ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นจากการประกาศใช้แนวปฏิบัติประกันสุขภาพแบบมีส่วนร่วมจ่าย หรือ Copayment ขณะเดียวกันตัวแทนฯ ของบริษัทฯ ยังสามารถนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนและมีมูลค่าสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) อยู่ที่ 3,718 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ของบริษัทฯ หลังจากปรับใช้มาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ ยังสูงถึง 2,683 ล้านบาท เทียบเท่ากับอัตรากำไรสุทธิ หรือ Net Profit Margin ที่ 20.4% แม้จะมีผลกระทบบางส่วนจากการเปลี่ยนแปลงการจัดประเภทการลงทุน แต่บริษัทฯ ยังมีกำไรจากการรับประกันภัยเป็นหลัก อยู่ที่ 2,428 ล้านบาท 

สำหรับกำไรในส่วนที่ไม่รวมรายการพิเศษและผลกระทบจากความผันผวนของตลาด สูงถึง 2,752 ล้านบาท เติบโต 4.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรจากการลงทุนที่ไม่รวมรายการพิเศษ และผลกระทบจากความผันผวนของตลาดยังคงมีความมั่นคง สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นการเติบโตที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 2567 บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ จากการลงทุนผ่านหน่วยลงทุน เป็นกองทุนส่วนบุคคล เพื่อให้สามารถวัดมูลค่ายุติธรรมการลงทุนผ่านกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (Fair Value through Other Comprehensive Income – FVOCI) แทนการรับรู้ผ่านกำไรสุทธิ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ทำให้กำไรสุทธิหลังปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่สะท้อนเฉพาะผลตอบแทนจากการลงทุนที่ยั่งยืน และเป็นไปตามแนวทางที่เน้นการลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง  นอกจากนี้ พอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงทั้งในและนอกประเทศ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 มากกว่า 90% ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งหมดอยู่ในรูปแบบตราสารหนี้ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับที่น่าลงทุน

ด้านสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ที่ 551% สูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงาน คปภ. กำหนดที่ 140% และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch Ratings ที่ระดับ A- (IFS Rating) และ AAA(tha) (National IFS Rating) โดยมีมุมมองมีเสถียรภาพไม่เฉพาะการสร้างความมั่นคงทางการเงินและการสร้างกำไรที่ยั่งยืน บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นยกระดับการดำเนินงานในทุกด้านตามเจตนารมณ์ทางธุรกิจที่มุ่งเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล ด้วยการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในทุกช่วงชีวิต ทุกจังหวะชีวิต และทุกการใช้ชีวิตของคนไทย และพัฒนาประสิทธิภาพการบริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและไร้รอยต่อให้กับลูกค้า ผ่าน “แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต” ที่มีลูกค้าลงทะเบียนใช้งานมากกว่า 1 ล้านคน มีการเพิ่มบริการ Live Chat เพื่อให้บริการข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ผ่านแอปฯ พร้อมเปิดตัวบริการ “ไทยประกันชีวิต AI Chat” บน LINE Official Account : Thai Life Insurance โดยได้นำเทคโนโลยี Generative AI  พัฒนาเพื่อให้บริการข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์และบริการแก่ลูกค้าและผู้สนใจผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ