ชี้ช่อง...เอสเอ็มอี

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ชี้ช่อง...เอสเอ็มอี


ตลาดกัมพูชากำลังเติบโต ที่ปรึกษากระทรวงพาณิชย์ ประจำเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา แนะเอสเอ็มอีไทยเข้าไปเปิดร้านอาหารและเครื่องดื่ม หลังพบแนวโน้มดีต่อเนื่อง

                ขณะที่ผู้บริหาร “เอ็กซิมแบงก์”มองว่าแนวโน้มการลงทุนในต่างประเทศของทั่วโลก กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นโมเดลการค้าการลงทุนยุคใหม่

นางจีรนันท์ วงษ์มงคล ที่ปรึกษาสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ประจำสำนักงานเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชามีการเติบโตสูงมาก เฉลี่ยอัตรา GDP โตประมาณ 7% ต่อเนื่อง ทำให้ภาคการค้าและการลงทุนขยายตัวทุกด้าน โดยเฉพาะภาคก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ มีการขึ้นโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่อง ทั้งคอนโดมีเนียม บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ต่อเนื่องสู่ธุรกิจอื่นๆ เช่น ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงเช่นเดียวกัน

ปัจจุบันชาวกัมพูชารุ่นใหม่เริ่มมีรายได้สูงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับกลุ่มคนรวยดั้งเดิมที่มีกำลังซื้อสูง จึงเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจอย่างมากของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะระดับเอสเอ็มอีจะเข้าไปแสวงหาโอกาส โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหาร เนื่องจากชาวกัมพูชาชื่นชอบสินค้าจากประเทศไทย อีกทั้งได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมไทยผ่านการดูละคร ยิ่งทำให้ชาวกัมพูชาอยากกินอาหารไทยตามสื่อที่ตัวเองได้รับชม

คนกัมพูชารุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป กำลังฮิตอาหารและเครื่องดื่มของไทยอย่างมาก ซึ่งกระแสนี้แรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ร้านอาหารไทยที่เปิดในกัมพูชายังมีไม่มากนัก โดยรวมมีไม่ถึง 50 ร้าน แบ่งเป็นร้านอาหารไทยที่เปิดโดยคนกัมพูชา ประมาณ 10 ร้าน ร้านที่ซื้อแฟรนไชส์ไทยมาเปิดประมาณ 5 ร้าน และเปิดโดยนักธุรกิจไทยประมาณ 20 ร้าน ดังนั้น จากความต้องการของตลาดที่ยังสูงขึ้นเรื่อยๆ นับเป็นโอกาสของเอสเอ็มอีไทยที่จะเข้าไปทำธุรกิจในพื้นที่ที่มีกำลังซื้อ อาทิ จ.พนมเปญ จ.เสียมราฐ และ จ.พระสีหนุ ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ

ด้านนายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า มูลค่าการลงทุนในต่างประเทศของทั้งโลกขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยขยายตัวถึง 12% ในปี 2558 เทียบกับการค้าโลกที่ขยายตัวเพียง 2.6% แสดงถึงการค้าโลกได้ลดบทบาทลงปัจจุบัน องค์การการค้าโลก (WTO) คาดว่า ปีนี้การค้าโลกจะขยายตัวเพียง 1.7% ต่ำกว่าจีดีพีโลกที่ขยายตัว 2.2% ซึ่งหากไม่นับรวมปี 2552 ที่เกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐ การค้าโลกจะขยายตัวต่ำกว่าจีดีพีโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี

          สาเหตุหนึ่งเนื่องมาจากบริษัทข้ามชาติย้ายฐานการผลิตกลับประเทศแม่ (Re-shoring) หลังจากค่าจ้างแรงงานในประเทศกำลังพัฒนาปรับตัวสูงขึ้น เทคโนโลยีภาคการผลิตพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนทดแทนการใช้แรงงานได้มากขึ้น กระแสการปกป้องการค้าที่รุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชาตินิยม การกีดกันทางการค้า และมาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษีศุลกากร รวมถึงนโยบายปรับสมดุลโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งหลายประเทศ อาทิ จีน ทยอยปรับลดการพึ่งพาภาคส่งออกและหันมาเน้นเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การขยายฐานการผลิตเข้าไปในประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำ ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทยช่วง 3 ปีที่ผ่านมามูลค่าส่งออกของไทยหดตัวเฉลี่ย 2% ต่อปี สวนทางกับการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศของไทยที่ขยายตัวเฉลี่ย 5% ต่อปี แสดงให้เห็นว่าการขยายการลงทุนในต่างประเทศเพื่อสร้างฐานการผลิตและตลาดการค้าแห่งใหม่กำลังเข้ามามีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และอาจช่วยให้ไทยก้าวข้ามการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงในอนาคตได้

ผู้ประกอบการไทยและผู้ที่เกี่ยวข้องจึงต้องปรับแนวทาง และสภาพแวดล้อมในการสนับสนุนให้ธุรกิจที่มีศักยภาพของไทยขยายการลงทุนไปต่างประเทศ พร้อมกับเสริมขีดความสามารถให้แก่บริษัทไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อให้เติบโตไปสู่บริษัทข้ามชาติตามแนวทางของประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตัวอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมให้ภาคเอกชนโดยเฉพาะธุรกิจไฮเทคไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเจาะตลาดการค้าในประเทศนั้นๆ และขยายโอกาสส่งออกวัตถุดิบและสินค้า

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ