นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมงาน Startup Nations Summit ประจำปี 2559 ณ เมืองคอร์ก สาธารณรัฐไอร์แลนด์ จัดโดย Global Entrepreneur ship Network และได้รับรางวัลในสาขาผู้นำด้านนโยบายสตาร์ทอัพระดับชาติ จากผู้เข้ารอบสุดท้ายเป็นรัฐมนตรี 7 คน จากประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรีย โปรตุเกส เป็นต้น
ทั้งนี้ ได้เสนอว่ามุมมองของประเทศไทยในเรื่องสตาร์ทอัพนั้น ได้ขยายขอบเขตมากไปกว่าในกลุ่มของไอทีหรือไฮเทค แต่ใช้เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาเดิมๆ ที่ประเทศไทยมี โดยเฉพาะในภาคการเกษตร และจะใช้เพื่อช่วยลดช่องว่างระหว่างชนชั้นในสังคม ด้วยการใช้กลไกของสตาร์ทอัพเป็นแรงดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้มาช่วยแก้ปัญหาด้านการเกษตร รวมถึงเพิ่มคุณค่าของการเกษตร และดึงดูดให้คนรุ่นใหม่กลับไปทำงานที่บ้านเกิด แทนที่จะต้องมาเป็นลูกจ้างในเมืองหลวง
นอกจากนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กำลังทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ ในการนำหลักสูตรเรื่องผู้ประกอบการเข้าไปสอนในมหาวิทยาลัย รวมถึงการช่วยสร้างระบบนิเวศให้กับระบบสตาร์ทอัพของไทยเพื่อให้การศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้นมีชีวิตชีวาเพิ่มมากขึ้น
โดยที่ผ่านมา รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพผ่านการจัดงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์ และสตาร์ทอัพไทยแลนด์ระดับภูมิภาค ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากรัฐบาล เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญที่จะให้สตาร์ทอัพเป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการสนับสนุนต่างๆ เพื่อผลักดันให้สตาร์ทอัพในประเทศไทยเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
นายโจนาธาน ออร์สมานส์ ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายพัฒนาผู้ประกอบการโลก (Global Entrepreneur Network) กล่าวว่า สตาร์ทอัพและผู้ประกอบการจะเป็นกุญแจสำคัญให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจและมีความมั่นคงทางสังคม แต่ก็มีปัญหาใหญ่ๆ ที่สตาร์ทอัพไม่สามารถแก้ไขได้เอง ต้องการการสนับสนุนและนโยบายที่เหมาะสมจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการศึกษา หรือปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำ รวมถึงการแก้กฎหมายให้เหมาะสม และการสนับสนุนให้สตาร์ทอัพสามารถขยายตลาดในเวทีระดับประเทศและระดับนานาชาติต่อไปได้