เคยเขียนถึงเรื่องที่ภาคีเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศนำรายชื่อสมาชิก 1 ล้านรายชื่อเข้ายื่นเพื่อร้องเรียนให้หน่วยงานภาครัฐ 5 แห่ง มีทั้งที่ทำเนียบรัฐของนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(กพร.) คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
โดยประเด็นร้องเรียนมีแค่ 3 ข้อ โดยข้อแรกขอให้นำโควตาที่เครือข่ายสหกรณ์ถูกเฉือนไป 400 เมกะวัตต์เพื่อให้ฝ่ายราชการดำเนินการ แต่ไม่สามารรถดำเนินการได้ 250 เมกะวัตต์มาคืนให้เครือข่ายสหกรณ์ เพราะเดิมทีก็กำหนดไว้ว่าจะให้เครือข่ายสหกรณ์ทั้งหมด 800 เมกะวัตต์ แต่ทางกระทรวงพลังงานมาแบ่งเอาไป
ประเด็นที่ 2 คือการที่ สนพ.ลดราคารับซื้อกระแสไฟฟ้าของภาคเกษตรระยะที่ 2 จากเดิมหน่วยละ 5.66 บาท เหลือหน่วยละ 4.12 บาท ลดถึงหน่วยละ 1.54 บาท ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อเครือข่ายสหกรณ์
ประเด็นสุดท้ายคือ การร้องเรียนให้นายกรัฐมนตรี ใช้ ม.44 ดำเนินการกับข้าราชการที่ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อกิจการโซลาร์ฟาร์มในภาคเครือข่ายสหกรณ์
ครั้งก่อนผมเขียนโดยสรุปอย่างนี้
ล่าสุด เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาตัวแทนภาคีเครือข่ายสหกรณ์ภาคการเกษตรจากทั่วประเทศได้จัดแถลงข่าว “โอนโควตาราชการที่เหลือ...ทบทวนราคาโซลาร์ฟาร์ม” เพื่อตอกย้ำข้อเรียกร้องเดิมอีกหน โดย คุณปฏิพล เกตุรัตนัง ประธานสหกรณ์ภาคการเกษตร นาบอน จำกัด จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า “เป็นการร้องเรียนครั้งที่ 5”
เรื่องโซลาร์ฟาร์มนี้ โดยข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสหกรณ์การเกษตรหรือว่าส่วนราชการ ต่างก็มีผู้ให้การสนับสนุนเพื่อดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าขายด้วยกันทั้งนั้น เพราะลำพังตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ล้วนแต่ “ทุนไม่ถึง”
โดยส่วนตัวผมเห็นว่า เดิมทีนโยบายนี้ก็ตั้งใจจะสนับสนุนให้ฝ่ายเกษตรกรได้โควตาไปทั้งหมด 800 เมกะวัตต์อยู่แล้ว ก็น่าจะคืนให้กับเขาไป อีกประการคือกลุ่มข้าราชการก็มีรัฐดูแลอยู่แล้ว มีเงินเดือนเป็นรายได้ประจำ มีบำเหน็จบำนาญ แถมมีสวัสดิการดูแลรักษา ไม่น่าจะต้องไปแบ่งโควตาดังกล่าวมาจากชาวบ้าน
อีกส่วนที่ผมข้องใจก็คือ 1 ล้านรายชื่อที่ลงนามเรียกร้องความเป็นธรรมนั้นมันไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แต่ทำไมดูเหมือนว่าจะไม่มีน้ำหนัก
การที่คนเกินกว่าล้านคนคิดเห็นในเรื่องเดียวกันเหมือนๆกัน แสดงว่าพวกเขาได้รับผลของปัญหาที่เหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน
ฉะนั้น ความคิดเห็นต่อข้อเรียกร้องจะเป็นอย่างไร ก็ควรให้คำตอบที่ชัดเจน ไม่ใช่เงียบหายเหมือนโยนก้อนหินลงน้ำ ร้องกันซ้ำซากถึง 5 ครั้งในเรื่องเดิม ๆ นี่มันเกินไป