นายวัชริน กสิณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร ได้เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการดำเนินงานโดยสรุปของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สำหรับปี 2565 รวมทั้งแผนงานของปี 2566 ดังนี้
• ในปี 2565 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯยังคงมีความแข็งแรงต่อเนื่อง หากพิจารณาตัวเลขจำนวนหน่วยบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดที่สร้างโดยผู้ประกอบการ และจดทะเบียนในกทม.และปริมณฑล ในช่วงเดือน ม.ค. - ต.ค. 2565 จะเห็นว่าเติบโตประมาณ 10% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564
• ในขณะที่ จำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ของสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในช่วงเดือน ม.ค. - พ.ย. 2565 มีจำนวน 22,855 หน่วย ซึ่งเติบโตเกือบเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากฐานที่ต่ำ
• ในปี 2565 บริษัทฯเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 32,460 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าแนวราบทั้งหมด เทียบกับแผนเดิมที่ตั้งไว้ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 29,520 ล้านบาท
• ปี 2565 บริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุนซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ประมาณ 4,400 ล้านบาท
• สัดส่วนยอดขายแบ่งตามประเภทสินค้า ในปี 2565 ของบริษัทฯ มีดังนี้
- ในปี 2565 สินค้าประเภทบ้านแนวราบ ซึ่งได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ ยังคงเป็นสินค้าหลักที่สร้างยอดขายให้กับบริษัทฯ โดยสัดส่วนการขายของบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม คือ 92%:8%
- เมื่อจำแนกตามพื้นที่ กรุงเทพและปริมณฑลยังคงเป็นพื้นที่หลักในการก่อให้เกิดยอดขาย โดยสัดส่วนยอดขายของโครงการในกรุงเทพและปริมณฑลเปรียบเทียบกับยอดขายของโครงการในต่างจังหวัด คือ 90%:10%
- สัดส่วนระดับราคาของบ้านที่สูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วนประมาณ 54% ของยอดขาย
• จำนวนโครงการที่ดำเนินการระหว่างปี 2565 – 2566
• ณ ต้นปี 2565 บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น 74 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพและปริมณฑล 44 โครงการ ต่างจังหวัด 30 โครงการ
• โครงการที่เปิดใหม่ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 32,460 ล้านบาท
• รวมโครงการที่ดำเนินการในระหว่างปี 2565 มีจำนวนทั้งหมด 89 โครงการ มีโครงการปิดระหว่างปี 19 โครงการ
• ดังนั้น ณ สิ้นปี 2565 มีโครงการที่ยกไปดำเนินการต่อในปี 2566 เป็นจำนวน 70 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 56,300 ล้านบาท
• ณ ต้นปี 2566 บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่ดำเนินการทั้งสิ้น 70 โครงการ
- เป็นโครงการแนวราบ 62 โครงการ มูลค่า 47,983 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่า 8,375 ล้านบาท
• บริษัทฯ มีแผน ที่จะเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 34,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2565
- เป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 13 โครงการ และต่างจังหวัด 4 โครงการ
- เป็นโครงการแนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 28,460 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท
- เมื่อแยกตามประเภทสินค้า จะประกอบด้วย
(บางโครงการมีสินค้ามากกว่า 1 ประเภท)
• โครงการบ้านเดี่ยว 15 โครงการ
• โครงการบ้านแฝด 1 โครงการ
• โครงการทาวน์เฮ้าส์ 1 โครงการ
• โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ
• ดังนั้น จำนวนโครงการที่ดำเนินการในปี 2566 มีทั้งหมดประมาณ 87 โครงการ เป็นมูลค่า 91,320 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าแนวราบ 78 โครงการ มูลค่า 76,450 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 9 โครงการ มูลค่า 14,870 ล้านบาท
• ประมาณราคาเฉลี่ยต่อหน่วยขายในปี 2566 เท่ากับ 8.8 ล้านบาท (ปี 2565 ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 8.8 ล้านบาท)
นายโชคชัย วลิตวรางค์กูร กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการอาคารชุด เปิดเผยว่า ภาพตลาดและข้อมูลสินค้าคอนโดมิเนียมของบริษัทฯ ดังนี้
• ในช่วงปี 2562 – 2564 ตลาดคอนโดมิเนียมหดตัวลงอย่างต่อเนื่องทั้งในด้าน demand (จำนวนหน่วยที่ขายได้) และ supply (จำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่) อันเป็นผลมาจากมาตรการ LTV ที่บังคับใช้ในช่วงเมษายน 2562 ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
• อย่างไรก็ตาม การชะลอการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมของผู้ประกอบการในช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าเป็นผลดีต่อตลาดโดยรวม เนื่องจากเป็นการช่วยระบายสินค้าคงเหลือที่ค้างอยู่ในตลาด โดยจำนวนหน่วยคงเหลือของคอนโดมิเนียมลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ในปี 2563 และลดลงต่อเนื่องในปี 2564
• ในปี 2565 เมื่อสถานกาณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายลง รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัว ทิศทางของตลาดคอนโดมิเนียมก็ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยสะท้อนจากจำนวนหน่วยที่ขายได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ที่เพิ่มขึ้นถึง 137% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2564 (ที่มา: AREA) และจำนวนหน่วยจดทะเบียนในช่วงเดือน ม.ค. - ต.ค. 2565 อยู่ที่ 32,909 หน่วย เติบโตประมาณ 16% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 (ที่มา: REIC)
• นอกจากนี้ ผู้ประกอบการก็มีความเชื่อมั่นในการเปิดโครงการใหม่ โดยจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ในช่วงเดือน ม.ค. - พ.ย. 2565 มีทั้งหมด 52,000 หน่วย เติบโต 128% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564
• แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นจากปี 2564 แต่ตลาดคอนโดมิเนียมก็ยังมีความเปราะบาง และยังไม่กลับสู่สภาวะปกติอย่างแท้จริง บริษัทจึงยังคงระมัดระวังการเปิดโครงการประเภทคอนโดมิเนียม
• ปี 2565 บริษัทฯ ไม่ได้เปิดโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ เนื่องจากสภาพตลาดและบริษัทฯ ต้องการดำเนินการระบายสินค้าที่มีอยู่ในมือ อย่างไรก็ตาม ยอดขายคอนโดมิเนียมของบริษัทฯ ในปี 2565 เติบโตกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2564 เนื่องจากฐานที่ต่ำ ( ปี 2565 = 2,240 ล้านบาท)
• สำหรับปี 2566 คาดว่าตลาดคอนโดมิเนียมจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2565 โดยจะเป็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้าง demand ในประเทศให้แข็งแกร่ง รวมถึง demand จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่น่าจะทยอยกลับมาตามการเปิดประเทศ และการเดินทางที่เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ
• ในปี 2566 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท คือโครงการ The Key ศรีนครินทร์ ซึ่งจะเปิดขายในไตรมาสที่ 3 โดยเป็นการเริ่มเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ นับตั้งแต่ปี 2563
นายวิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน กล่าวต่อว่า สำหรับฐานะการเงินของบริษัทฯ และการดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ดังนี้
• ในปี 2565 บริษัทฯ ออกหุ้นกู้ มูลค่ารวม 13,700 ล้านบาท อายุ 2-3 ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.61% ต่อปี
• ณ สิ้นปี 2565 คาดว่าหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 51,000 ล้านบาท โดยมี
- อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 96%
- ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ย 2.24%
• สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าปี 2565 เป็นปีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับการกลับมาของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลดีโดยตรงกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าของบริษัทฯ ทั้งในส่วนโรงแรม อะพาร์ตเมนต์ และห้างสรรพสินค้าทั้งในประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา
• ในปี 2565 บริษัทฯลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าผ่านบริษัท LHMH และ LH USA จำนวน 3,700 ล้านบาท ประกอบด้วย
- พัฒนาศูนย์การค้า Terminal 21 Rama 3 350 ล้านบาท
- พัฒนาธุรกิจโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ 3,350 ล้านบาท
• ปี 2565 บริษัท LHMH ได้เปิดดำเนินโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ โรงแรม Grande Centre Point Space Pattayaและศูนย์การค้า Terminal 21 Rama 3 ในไตรมาสที่ 3 และ4 ตามลำดับ
• อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังไม่ได้ขายอะพาร์ตเมนต์ในสหรัฐอเมริกาตามแผนที่ตั้งไว้ เนื่องจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ FED ดำเนินนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง จึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนคาดหวังเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อมายังราคาขาย
• ในปี 2566 บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 9,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
- งบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 6,000 ล้านบาท
- งบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า 3,000 ล้านบาท
• ปัจจุบัน บริษัท LHMH มีโครงการที่ดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนาทั้งหมด 11 โครงการ ด้านบริษัท LH USA มีโครงการที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมด 4 โครงการ
• บริษัทฯ มีแผน ที่จะขายโรงแรมในประเทศไทยเข้ากอง REIT
• บริษัทฯ มีแผน ที่จะออกหุ้นกู้อีกจำนวน 14,000 ล้านบาท และคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะยังคงอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 100%
รายละเอียดโครงการเปิดใหม่ในปี 2566
โครงการ
|
ประเภท
|
ขนาดโครงการ (ไร่)
|
จำนวนหลัง ทั้งหมด
|
ราคาเฉลี่ยต่อหลังล้านบาท
|
มูลค่า โครงการ ล้านบาท
|
ไตรมาส ที่เปิดขาย
|
1. inizio ศรีนครินทร์ |
บ้านแฝด |
27.1 |
176 |
5.5 |
970 |
Q1 |
2. ชัยพฤกษ์ 2 ซีรีน เลค |
บ้านเดี่ยว |
4.1 |
9 |
10.4 |
94 |
|
3. ชัยพฤกษ์ 1 ซีรีน เลค |
บ้านเดี่ยว |
4.1 |
10 |
9.8 |
98 |
|
4. มัณฑนา กาญจนา – บางบอน 5 |
บ้านเดี่ยว |
97.8 |
200 |
17.0 |
3,400 |
Q2 |
5. ชัยพฤกษ์ แจ้งวัฒนะ |
บ้านเดี่ยว |
74.5 |
233 |
11.7 |
2,730 |
|
6. ชัยพฤกษ์ 3 ซีรีน เลค |
บ้านเดี่ยว |
10.1 |
20 |
10.2 |
203 |
Q3 |
7. VIVE กรุงเทพกรีฑา |
บ้านเดี่ยว |
19.4 |
49 |
41.8 |
2,050 |
|
8. VIVE บางนา กม. 13 |
บ้านเดี่ยว |
40.4 |
95 |
33.2 |
3,150 |
|
9. The Key ศรีนครินทร์ |
คอนโด |
12.3 |
805 |
8.1 |
6,500 |
|
10. ชัยพฤกษ์ พรานนก - สาย 2 |
บ้านเดี่ยว |
25.7 |
56 |
19.3 |
1,080 |
|
11. Villaggio 3 ศรีนครินทร์ - บางนา |
รวม |
66.3 |
358 |
5.6 |
2,010 |
Q4 |
บ้านเดี่ยว |
51.4 |
204 |
7.1 |
1,450 |
||
ทาวน์เฮ้าส์ |
14.9 |
154 |
3.6 |
560 |
||
12. ชัยพฤกษ์ รังสิต คลอง 4 |
บ้านเดี่ยว |
99.6 |
324 |
11.4 |
3,700 |
|
13. ชัยพฤกษ์ เพชรเกษม 69 |
บ้านเดี่ยว |
94.3 |
219 |
12.8 |
2,800 |
|
14. ชัยพฤกษ์ บางนา กม. 13 |
บ้านเดี่ยว |
53.7 |
170 |
13.5 |
2,300 |
|
15. พฤกษ์ลดา ปิ่นเกล้า - ศาลายา |
บ้านเดี่ยว |
36.7 |
142 |
7.2 |
1,025 |
|
16. มัณฑนา มอเตอร์เวย์ - พระราม 9 |
บ้านเดี่ยว |
22.6 |
52 |
15.4 |
800 |
|
17. มัณฑนา มะลิวัลย์ - ขอนแก่น |
บ้านเดี่ยว |
66.7 |
182 |
11.3 |
2,050 |
|
รวมทั้งหมด |
|
755.4 |
3,100 |
11.3 |
34,960 |
|
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า
โครงการในประเทศไทย (ล้านบาท)
ลำดับ |
โครงการ |
มูลค่า |
เจ้าของ |
ประเภท |
ทำเลที่ตั้ง |
ปีที่คาดว่าจะเปิด |
|
|
การพัฒนา |
|
|
|
ดำเนินงาน |
1 |
Grande Centre Point Ploenchit |
1,500 |
LHPFII |
โรงแรม |
กรุงเทพ |
ดำเนินงานแล้ว |
2 |
Grande Centre Point Ratchadamri |
2,800 |
LHHOTEL |
โรงแรม |
กรุงเทพ |
ดำเนินงานแล้ว |
3 |
Grande Centre Point Terminal 21 |
2,000 |
LHHOTEL |
โรงแรม |
กรุงเทพ |
ดำเนินงานแล้ว |
4 |
Grande Centre Point Sukhumvit 55 |
2,000 |
LHHOTEL |
โรงแรม |
กรุงเทพ |
ดำเนินงานแล้ว |
5 |
Terminal 21 Pattaya |
3,300 |
LHMH |
ศูนย์การค้า |
พัทยา |
ดำเนินงานแล้ว |
6 |
Grande Centre Point Pattaya |
1,600 |
LHMH |
โรงแรม |
พัทยา |
ดำเนินงานแล้ว |
7 |
Grande Centre Point Space Pattaya |
3,400 |
LHMH |
โรงแรม |
พัทยา |
ดำเนินงานแล้ว |
8 |
Terminal 21 Rama 3 |
4,500 |
LHMH |
ศูนย์การค้า |
กรุงเทพ |
ดำเนินงานแล้ว |
9 |
Grande Centre Point Surawongse |
2,300 |
LHMH |
โรงแรม |
กรุงเทพ |
Q4'66 |
10 |
Grande Centre Point Lumpini |
4,800 |
LHMH |
Mixed-use |
กรุงเทพ |
Q4'67 |
11 |
Grande Centre Point Ratchadamri 2 |
4,600 |
LHMH |
โรงแรม |
กรุงเทพ |
Q4'69 |
|
รวมมูลค่าเงินพัฒนาโครงการ |
32,800 |
|
|
|
|
โครงการในสหรัฐอเมริกา (ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ลำดับ |
โครงการ |
มูลค่า |
ประเภท |
ทำเลที่ตั้ง |
ปีที่คาดว่าจะเปิด |
|
|
|
เงินลงทุน |
|
|
ดำเนินงาน |
|
|
|
|
|
|
|
|
1 |
Parc |
135 |
อะพาร์ตเมนต์ |
Campbell, California |
ดำเนินงานแล้ว |
|
2 |
Yard |
127 |
อะพาร์ตเมนต์ |
Portland, Oregon |
ดำเนินงานแล้ว |
|
3 |
Revere |
119 |
อะพาร์ตเมนต์ |
Campbell, California |
ดำเนินงานแล้ว |
|
4 |
SpringHill |
31 |
โรงแรม |
Anaheim, California |
ดำเนินงานแล้ว |
|
|
รวมมูลค่าเงินลงทุนในโครงการ |
412 |
|
|
|